30 กันยายน 2552

ศิลปะป้องกันตัว...สุภาพสตรี



มีอยู่หลายครั้งที่จะได้รับคำถามเรื่องการป้องกันตัวจากสุภาพสตรีหลาย ๆ ท่าน
ว่าจะเรียนการป้องกันตัวยังไงดีโดยต้องการฝึกที่ง่าย เร็ว และใช้งานได้จริง
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วขอบอกเลยว่า…ยากครับที่จะทำแบบนั้นได้

ทำไมถึงเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ดูง่าย ๆ จากปัจจุบันในหลักสูตรพละศึกษาในโรงเรียนส่วนใหญ่
จะกำหนดให้มีการฝึกวิชาศิลปะการสู้สักวิชาหนึ่งลงไปด้วย แต่ผลที่ได้นั้นอย่างที่เห็นกันก็คือ
โดยมากหลังจากเรียนจบแล้วนักเรียนก็จะลืมสิ่งที่เคยได้เรียนไปเสียเกือบหมด
ทั้ง ๆ ส่วนมากต้องฝึกกันทั้งเทอมการศึกษา หรือ บางครั้งเรียนกันถึงปีด้วยซ้ำไป
ทำให้เห็นได้ว่าส่วนมากการฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างเพียงผิวเผินนั้นไม่ได้ผลเท่าที่ควร

การเรียนศิลปะการต่อสู้ของสุภาพสตรีนั้นจะพบเห็นกันมากโดยทำเป็นคอร์สระยะสั้น
โดยมีการเรียนประมาณเดือนหรือสองเดือน ซึ่งการฝึกมักจะแตกต่างจากการเรียนศิลปะการต่อสู้ทั่วไป
โดยฝึกการต่อสู้เป็นท่า ๆ ไป เพื่อให้ผู้เรียนจดจำได้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตามเนื่องจากการสอนการป้องกันตัวสำหรับสุภาพสตรีนั้น
ค่อนข้างเป็นการสอนที่ดูง่ายสำหรับคนที่ฝึกศิลปะการการต่อสู้มาพอสมควร
อีกทั้งไม่มีการควบคุมในเรื่องการสอนแตกต่างการการฝึกในวิชาต่าง ๆ ที่ต้องขึ้นกับสำนักหรือโรงฝึก
ทำให้การสอนในบางที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

ดังนั้นหากจะเข้าฝึกการฝึกการป้องกันตัวระยะสั้นแล้ว ควรจะหาสถานที่ฝึกที่เชื่อถือได้
และ ผู้สอนมีประสบการณ์สอนพอสมควร เนื่องการการเรียนจะแตกต่างจากการเรียนการต่อสู้โดยทั่วไป
เพราะถึงว่าครูฝึกอาจจะเป็นคนเก่งในการป้องกันตัวแต่การฝึกของสุภาพสตรีจะต่างไปเนื่องจากเหตุผลทางด้านสรีระ
หากไม่เข้าใจความแตกต่างข้อนี้ก็จะไม่สามารถสอนได้อย่างมีประสิทธิผล
ในบางครั้งบางที่มีการสอนท่าตาย(คือใช้แล้วไม่รอดแหง ๆ) ท่าเสี่ยง ๆ ทั้งหลายให้กับสุภาพสตรี
บางท่าเป็นท่าโชว์ออกจะสวยงามซะมากกว่า หรือ ที่พบเห็นมากก็คือท่าที่ต้องใช้การฝึกนานมากเพื่อให้ใช้ได้เหมาะสม
บางครั้งดูแล้วแทนที่จะเป็นท่าที่ใช้ป้องกันตัวได้กลับกลายเป็นว่าอาจจะยั่วโหโหอีกฝ่ายให้มากขึ้นเสียอีก

เรื่องการใช้และพกพาอาวุธก็เหมือนกัน สุภาพสตรีบางท่านคิดว่าไม่ต้องฝึกอะไรไปหรอกแต่ใช้วิธีพกอาวุธแทน
แล้วก็ไปขนซื้อกันมาไม่ว่าจะเป็นเครื่องช๊อตไฟฟ้า ปืน มีด สเปร์ยพริกไทย หรือ ไซเรน
แต่โดยมากกลับพกพาในแบบที่แทบเอาออกมาใช้งานไม่ได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าไม่ว่าอาวุธอะไร
ผู้หญิงมักจะนำไปเก็บในกระเป๋าถือ โดยรวมกับของใช้อื่น ๆ หรือ อย่างดีอาจจะแยกช่องไว้บ้าง
แต่เมื่อมีเหตุการณ์ขึ้นมากลับหยิบออกมาใช้ไม่ได้ เช่น หากถูกวิ่งราว(ไปทั้งกระเป๋าเลย) ถูกล๊อคคอ ถูกดึงแขนไว้
กลายเป็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ไม่สามารถเปิดกระเป๋าเพื่อนำอาวุธออกมาใช้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาตกใจ เมื่อคุมสติไม่อยู่ อาวุธทั้งหลายจะแทบไม่มีประโยชน์เลย

เมื่อผมอยู่ที่ญี่ปุ่น เคยดูรายการหนึ่งที่ให้สุภาพสตรีพกเครื่องไซเรนป้องกันตัวเอาไว้ โดยจะเข้าไปทำร้ายหรือลวนลามในเวลาใด ๆ ก็ได้
หากจำไม่ผิดปรากฏว่า มีผู้ที่สามารถเปิดไซเรนได้เพียงแปดคนจากทั้งหมดหนึ่งร้อยคน! เพราะ ส่วนมากนำไปเก็บในกระเป๋าถือ
บางคนแม้แต่จะรูดซิปกระเป๋าถือยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป

15 กันยายน 2552

เทคนิคการเตรียมตัวสอบ


1. ทำตารางสอบ
: โดยจดวันและเวลาที่สอบไว้ให้ชัดเจน

2. อ่านตำราโดยจัดลำดับตามตารางสอบ (ในข้อ 1)
: โดยเริ่มอ่านจากวิชาที่สอบวันแรก ไปจนถึงวันสุดท้าย และควรอ่านให้จบก่อนถึงวันสอบประมาณ 4 วันหรือมากว่านั้น และอ่านทบทวนอีกครั้งในวันสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันสอบวิชานั้นๆ

3. พูดคุยกับเพื่อนๆ
: ไม่ใช่ชวนกันคุยเรื่องแฟชั่น เสื้อผ้า ดูหนัง หรือฟังเพลงนะคะแต่เป็นการพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาที่เราจะสอบ ถ้าจะให้ดีควรหากลุ่มเพื่อนสนิทแล้วเริ่มอ่านหนังพร้อมกัน และเมื่ออ่านจบก็ควรซักถามในส่วนที่ยังไม่เข้าใจเพื่อจะได้เป็นการทบทวนความรู้ให้เพื่อนและเพื่อเพิ่มความเข้าใจให้แก่ตนเองด้วย

4. ค้นคว้าเพิ่มเติม
: ในกรณีที่เรายังเข้าใจในเนื้อหาที่อ่านอย่างถ่องแท้เราก็ควรค้นคว้าเพิ่มเติมจากตำรา หรือว่าอาจารย์ผู้สอนรายวิชานั้นๆ และจดบันทึกข้อควรจำที่สำคัญๆ เพื่อทำความเข้าใจก่อนสอบ

11 กันยายน 2552








มีลักษณะเป็นเกาะเล็กๆ บริเวณปากอ่าวพังงาเช่นเดียวกัน ขนาดย่อมกว่าเกาะปันหยี เขาพิงกันเป็นภูเขาที่มีลักษณะพิเศษแปลกตากแตกต่างจากภูเขาอื่นใดทั้งสิ้น โดยมีลักษณะเป็นภูเขาสองลูกที่แนบยึดติดกัน เป็นแนวเส้นตรงจากยอดเขาสู่ตีนเขา ผู้คนที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมเขาพิงกันต่างพากันสันนิษฐานว่าในอดีตกาล คาดว่าจะเป็นภูเขาลูกเดียวกัน แต่ได้ถูกฟ้าผ่าหรือสายฟ้าฟาดอย่างปราณีตจนแยกภูเขาดังกล่าวออกเป็นสองลูกที่แนบชิดติดกันหรือพิงกัน หรืออาจเกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ภูเขาดังกล่าวเกิดรอยร้าวหรือปริแยกเป็นสองส่วน ที่มีลักษณะคล้ายถูกของมีคมตัดเป็นเส้นตรงจากยอดเขาสู่ตีนเขา แต่ยังไม่ได้ถูกแยกออกจากกัน กลับถูกปล่อยให้ยังคงแนบชิดติดกัน จนถูกเรียกว่า เขาพิงกัน




04 กันยายน 2552

ฟอร์ด มัสแตง (Ford Mustang)

ฟอร์ด มัสแตง (Ford Mustang) เป็นรถสปอร์ตยอดนิยมของแถบอเมริกาและยุโรปบางส่วน เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1964 มัสแตงได้รับความนิยมสูงมาก ในปีเดียวกับการเปิดตัวครั้งแรก รถมัสแตง ถูกนำไปใช้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง จอมมฤตยู 007 มัสแตงมีจุดเด่นในความที่เป็นรถที่ ฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหน้าจะยาวเมื่อเทียบสัดส่วนกับรถทั่วไป

มัสแตง มียอดขายเฉลี่ย 1 ล้านคัน ทุกๆ 18 เดือน (สูสีกับ โตโยต้า โคโรลล่า หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ "อัลติส") จากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งการที่รถสปอร์ตที่มีราคาแพงกว่ารถเก๋งเล็กๆลิบลิ่ว กลับมียอดขายใกล้เคียงกับรถเก๋งขนาดเล็กราคาถูกยอดนิยมของญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความนิยมในมัสแตง

มัสแตง จัดเป็นรถประเภท pony cars คือ เป็นได้ทั้งรถสปอร์ตและรถCompact ทั่วไป ซึ่งเป็นรถที่เอนกประสงค์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถสปอร์ต เป็นรถที่เล็ก แต่แรงกว่ารถเก๋งทั่วไป

มัสแตง จนถึงปัจจุบันก็ยังผลิตอยู่ โดยแบ่งออกเป็ย 5 เจเนอเรชั่น (โฉม) ตามช่วงเวลาได้ดังนี้















Generation ที่ 1
(รุ่นปี ค.ศ. 1964-1973)




Generation ที่ 2
(รุ่นปี ค.ศ. 1974-1978)





Generation ที่ 3 (รุ่นปี ค.ศ. 1979-1993)



Generation ที่ 4 (รุ่นปี ค.ศ. 1994-2004)






Generation ที่ 5 (รุ่นปี ค.ศ. 2005-ปัจจุบัน)












02 กันยายน 2552

โรคเบาหวาน


โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง และก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดปัญหากับ ฟันและเหงือก ตา ไต หัวใจ หลอดเลือดแดง ท่านผู้อ่านสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆได้ โดยการปรับ อาหาร การออกกำลังกาย และยาให้เหมาะสม ท่านผู้อ่านสามารถนำข้อเสนอแนะจากบทความนี้ไปปรึกษากับแพทย์ที่รักษาท่านอยู่ ท่านต้องร่วมมือกับคณะแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อกำหนดเป้าหมายการรักษา บทความนี้เชื่อว่าจะช่วยท่านควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น

โรคเบาหวานคืออะไร

อาหารที่รับประทานเข้าไปส่วนใหญ่จะเปลี่ยนจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน เซลล์ในตับอ่อนชื่อเบต้าเซลล์เป็นตัวสร้างอินซูลิน อินซูลินเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอยู่เป็นเวลานานจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ตา ไต และระบบประสาท

โรคอ้วนหรืออ้วนลงพุง



ร่างกายของเราจะมีไขมันไว้เพื่อสำรองเป็นอาหาร ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
เป็นเบาะกันกระแทกหากมีมากเกินไปคือโรคอ้วน ปกติผู้หญิงจะมีปริมาณไขมันประมาณ 25-30% ส่วนผู้ชายจะมี 18-23 %ถ้าหากผู้หญิงมีมากกว่า 30% ชายมีมากกว่า 25%จะถือว่าโรคอ้วน โรคอ้วนหมายถึงมีปริมาณไขมันมากกว่าปกติ โรคอ้วนมิได้หมายถึงการมีน้ำหนักมากอย่างเดียว

โรคอ้วนที่มีผลร้ายต่อสุขภาพมีอยู่ 3 ประเภทได้แก่

1.อ้วนทั้งตัว ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีไขมันทั้งร่างกายมากกว่าปกติโดยไขมันที่เพิ่มมิได้จำกัดอยู่ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง
2.โรคอ้วนลงพุง[ abdominal obesity] ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีไขมันในอวัยวะภายในช่องท้องมากกว่าปกติ และอาจจะมีไขมันใต้ผิวหนังหน้าท้องเพิ่มขึ้นด้วย
3.โรคอ้วนลงพุ่งร่วมกับอ้วนทั้งตัว มีไขมันมากทั้งตัวและอวัยวะภายในช่องท้อง
การวัดปริมาณไขมันในร่างกาย

การวัดปริมาณไขมันในร่างกายไม่ใช่เรื่องง่าย โดยมากมักจะทำในห้องปฏิบัติการณ์เพื่อการวิจัย

1.การชั่งน้ำหนักในน้ำแล้วนำมาคำนวนหาปริมาณไขมันและปริมาณกล้ามเนื้อเป็นวิธีที่มีความแม่นยำ แต่ก็ทำในห้องปฎิบัติการณ์เท่านั้น
2.BOD POD เป็นการตรวจโดยเครื่อง x-ray รูปไข่ เครื่องจะคำนวณหาปริมาณกล้ามเนื้อ ไขมันจากความเข้มของเนื้อเยื่อ
3.DEXA: Dual-energy X-ray absorptiometry (DEXA) เป็นการใช้ x-ray หาปริมาณไขมัน

นอกจากนั้นก็มีวิธีหาปริมาณไขมันได้อีกหลายอย่าง

•ใช้ calipers วัดความหนาของไขมันชั้นใต้ผิวหนัง อาจจะวัดที่ท้องแขนเป็นต้น
•Bioelectric impedance analysis โดยการใช้ไฟฟ้าผ่านเข้าไปในร่างกายแล้วคำนวณออกมา
•การใช้ตารางหนักและส่วนสูง
•การคำนวณดัชนีมวลกาย
•การวัดเส้นรอบเอว
โรคอ้วนจำเป็นต้องรักษาหรือไม่

ก่อนหน้านี้คนอ้วนไม่ถือเป็นโรคอ้วนแต่ปัจจุบันจัดเป็นโรคอ้วนเนื่องจากก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ โรคอ้วนเป็นโรคเกิดจากสาเหตุหลายๆอย่างทำให้การรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ผู้ที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วน้ำหนักก็จะขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน การรักษาโรคอ้วนได้เปลี่ยนไปจากอดีตที่นิยมให้ลดน้ำหนักเข้าสู่เกณฑ์ปกติอย่างรวดเร็วมาเป็นให้ลดน้ำหนักแบบค่อยๆเป็น โดยกำหนดเป้าหมายที่สามารถปฏิบัติได้ การลดน้ำหนักเพียงบางส่วนสามารถก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ การรักษาโรคอ้วนให้รักษาตลอดชีวิตเหมือนโรคเบาหวาน

ได้มีการศึกษาในประเทศไทยพบว่าผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีระดับ ไขมัน cholesterol ,triglyceride LDL ระดับน้ำตาล ละความดันโลหิตสูงกว่าผู้ที่มีน้ำหนักปกติ

ปัญหาของดัชนีมวลกายที่จะนำมาใช้อ้างอิงว่าอ้วนหรือไม่คงจะใช้ตัวเลขเดียวกันทั่วโลกไม่ได้ ฝรั่งจะมีโครงสร้างใหญ่กว่าชาวเอเชีย ดัชนีมวลกายของฝรั่งจึงจะค่อนข้างสูงกล่าวคือจะถือว่าน้ำหนักเกินเมื่อดัชนีมวลกายมากกว่า 25 กก/ตารางเมตร ส่วนชาวเอเชียเราจะถือว่าน้ำหนักเกินคือดัชนีมวลกายมากกว่า 23 กก/ตารางเมตร เนื่องจากเมื่อดัชนีมวลกายเกินค่าดังกล่าวจะมีอุบัติการณ์ของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงสูง

จะเห็นว่าคนอ้วนมีโอกาสที่จะเกิดโรคมากมาย และผลดีของการลดน้ำหนักสามารถลดอัตราการเกิดโรคได้หลายชนิด และลด อัตราการตายได้ สมควรถึงเวลาที่จะหยุดความอ้วน