19 มกราคม 2553

แผ่นดินไหวที่เฮติ

======เรามาช่วย....เฮติกันเถอะ====

มว.ต่างประเทศฝรั่งเศส จวกสหรัฐฯ พยายามครอบงำเฮติ จี้ยูเอ็นตรวจสอบหลังกองกำลังสหรัฐกักกันความช่วยเหลือชาติอื่น ไล่เครื่องบินบรรเทาทุกข์ฝรั่งเศสกลับประเทศ ด้านยูเอ็นเรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงขอเพิ่มเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพในเฮติ 3,500 นาย รับมือเหตุร้าย หวั่นเกิดจลาจล เหตุความช่วยเหลือยังไปไม่ถึงมือผู้ได้รับความเสียหาย ด้าน "บิล คลินตัน" ถึงเฮติ ฝังแล้ว 7 หมื่นศพ

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายเบอร์นาร์ด คุชเนอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส วิจารณ์บทบาทการให้ความช่วยเหลือของสหรัฐในเฮติ พร้อมทั้งเรียกร้องให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาตรวจสอบ และสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทที่ค่อนข้างมากเกินไปในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและช่วยฟื้นฟูเฮติจากเหตุแผ่นดินไหว เพราะเห็นว่า ความพยายามช่วยเหลือเฮติของนานาชาติมีเป้าหมายเพื่อช่วยเฮติ ไม่ใช่เข้าไปครอบงำหรือเข้าไปยึดดินแดนแห่งนั้น

ถ้อยแถลงไม่พอใจของกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส มีขึ้นหลังจากกองกำลังของสหรัฐ ได้สั่งให้เครื่องบินบรรเทาทุกข์ของฝรั่งเศสลำหนึ่งที่บรรทุกอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ภาคสนามออกจากสนามบินปอร์โตแปรงซ์ ซึ่งแออัดคับคั่งและได้รับความเสียหายบางส่วนกลับไปฝรั่งเศส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้นายอลอง โจยันเดท รัฐมนตรีด้านความร่วมมือของฝรั่งเศส ออกมาแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที

รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ยังเตือนไปยังรัฐบาลประเทศต่างๆ และกลุ่มบรรเทาทุกข์ทั้งหลาย ไม่ควรทุ่มเถียงหรือทะเลาะเบาะแว้งกันขณะพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนในเฮติ ขณะที่นายโจยันเดทยืนยันว่า ปฏิบัติการทั้งหมดในช่วงนี้คือการช่วยเหลือเฮติ ไม่ใช่การเข้าไปยึดครอง และสิ่งสำคัญที่สุดที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์หรือประเทศผู้ให้การช่วยเหลือควรคำนึงถึงที่สุดคือ ประชาชนชาวเฮติที่กำลังเดือดร้อน

ด้าน นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยว่า ต้องการให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นส่งกองกำลังรักษาสันติภาพ 2,000 นาย และตำรวจอีก 1,500 นาย เข้ามายังเฮติเพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายของผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเฮติ ที่เริ่มไม่พอใจ หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากนานาประเทศล่าช้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายบันได้ร้องขอให้ผู้ประสบภัยอยู่ในความสงบ และว่าความช่วยเหลือกำลังหลั่งไหลถึงมือผู้ประสบภัยแล้ว

ขณะที่โฆษกของนายบัน เผยว่า ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ยูเอ็นในเหตุแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 46 คน และอีกกว่า 500 คนยังสูญหาย

ในส่วนผู้เสียชีวิต รัฐบาลเฮติได้ประกาศว่า มีการฝังแล้ว 7 หมื่นศพ โดยประมาณการของรัฐบาลคาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิต 2 แสนคน โดยวานนี้ได้ประชุม ครม.และมีมติ คือ 1.ให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นหน่วยงานหลักในการให้การช่วยเหลือและลำเลียงสิ่งของ 2.อำนาจการควบคุมทางอากาศสนามบินเฮติ และความสงบเรียบร้อยทั่วไปให้อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐ 3.การทูตและการอนุมัติต่างๆ ยังคงอยู่ในอำนาจของรัฐบาลเฮติ

ด้าน แครอล โจเซฟ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของเฮติ เปิดเผยที่กรุงปอร์โตแปรงซ์ ว่า โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติ หรือ WFP และกลุ่มบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมจากสาธารณรัฐโดมินิกัน ได้ปันส่วนอาหารจำนวน 1 แสน 5 พันชุด และเต๊นท์อีก 2 หมื่นหลัง แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว รวมถึงแจกจ่ายน้ำดื่มสะอาดไปตามสถานที่พักพิงชั่วคราวอีกด้วย ส่วนการเก็บศพยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางการเก็บซากปรักหักพังของอาคารที่พังถล่มลงมา เพราะผลพวงของแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.0 ริคเตอร์

สหประชาติ ได้ประเมินว่า มีประชาชน 3 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ รวมทั้งผู้ที่ไร้ที่อยู่อาศัยจำนวน 3 แสนคน องค์การนานาชาติเพื่อผู้อพยพ ระบุว่า มีประชาชน1 ล้านคน กำลังต้องการที่พักพิงฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน ด้านสหภาพยุโรป ระบุว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ทำให้อาคารต่าง ๆ ราว 4 พันแห่ง ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ พังราบเป็นหน้ากลอง

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา สภาพในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เริ่มมีชาวเฮติรวมกลุ่มกันออกปล้นสะดมจากเหล่าผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งพักอยู่ตามสถานที่พักพิงชั่วคราว มีการแก่งแย่งสิ่งของบรรเทาทุกข์กันอย่างดุเดือด ขณะที่ผู้รอดชีวิตบางส่วนเริ่มทยอยอพยพออกจากเมืองหลวง เพราะไม่มีบ้านอยู่ กลัวเกิดแผ่นดินไหวซ้ำ และทนอยู่กับซากศพจำนวนมากไม่ไหว

ทั้งนี้ ความช่วยเหลือทั้งอาหารและน้ำ ตลอดจนอุปกรณ์ยังชีพอื่น ๆ และยารักษาโรคยังไปไม่ถึงมือผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง เนื่องจากสภาพถนนโดยรอบบริเวณสนามบิน และท่าเรือต่างได้รับความเสียหาย รวมถึงยังมีเศษซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือนกีดขวางเส้นทางอยู่ ทำให้การขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ยากเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยได้ อีกทั้งพนักงานขับรถส่งของบรรเทาทุกข์หลายคนเริ่มไม่เต็มใจปฏิบัติหน้าที่ เพราะกลัวถูกปล้นระหว่างทาง กระนั้นภาพรวมของสถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แม้มีเหตุตึงเครียดขึ้นบ้างระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ประสบภัย