08 ธันวาคม 2553

V..D..Oประวัติศาสตร์

">

ไว้เหนือหัว

">

14.ต.ค.16





--

วันรัฐธรรมนูณ



วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี

ความหมายของรัฐธรรมนูญ


รัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายว่าด้วยระเบียบการปกครองประเทศ
วันรัฐธรรมนูญ ตรงกับ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

ประวัติความเป็นมา

การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ผลอันนี้ได้กระทบมาถึงไทยด้วย พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก ยังความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ

อิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการทางการเมือง ทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

รัฐบาลได้ออกกฏหมายเก็บภาษี อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน จากราษฎร


จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหาร และราษฎรทั่วไปจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการปฏิวัติ มีคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร ซึ่งประกอบด้วยพันเอก พระยาพหลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเด และพันเอกพระฤทธิอาคเนย์ เป็นผู้บริหารประเทศ



29 พฤศจิกายน 2553

คำว่าเพื่อน

เพื่อนบางคน...อาจคอยมองดูคุณอยู่แบบห่างๆ แต่ไม่กล้าแสดงออก

แต่เพื่อนบางคน...อาจจะเข้ามายุ่งกับคุณโดย เพราะเขาเป็นคนกล้า

เพื่อนบางคน...อาจทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณได้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ในขณะที่เพื่อนบางคน...ไม่ได้ยินคำขอร้องของคุณด้วยซ้ำ
เพื่อนบางคน...อาจพูดอะไรตรงๆ กับคุณเพราะรัก
แต่เพื่อนบางคนของคุณ...อาจพูดแต่คำหวานๆ ซึ่งแฝงไปด้วยความน่ากลัว
เพื่อนบางคน...อาจเหมือนคนที่ไม่อดทน มักบ่นอะไรเล็กๆ น้อยๆ เสมอ
แต่จริงๆ แล้วเขา...อาจเป็นคนที่มีความอดทน มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก
เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยมีความลับกับคุณ อาจแม้กระทั่งให้คุณอ่านไดอารี่แสนหวงของเขา
แต่เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยแม้แต่จะเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวให้คุณฟัง
เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยโทรศัพท์หาคุณเลย มีแต่คุณเท่านั้นที่มัวแต่โทรหาเขาทุกวัน
เพื่อนบางคน...อาจโทรมาหาคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องขอร้องเลยด้วยซ้ำ
เพื่อนบางคน...อาจจะอยู่เคียงข้างคุณ ในยามที่คุณต้องการใครซักคน โดยที่ไม่มีใครขอ
แต่เพื่อนบางคน...ไม่อาจแม้แต่จะรับรู้ความรู้สึกของคุณได้
เพื่อนบางคน...อาจถึงขนาด นั่งร้องไห้กับคุณ
ในขณะที่อีกหลายๆ คน...ไม่สนด้วยซ้ำว่าคุณกำลังอยู่ที่ไหน
เพื่อนบางคน...อาจเคยทำผิดกับคุณบ้าง แต่เขาก็ยังพยายามที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
ในขณะที่เพื่อนบางคน...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำผิดต่อคุณ
เพื่อนบางคน...อาจหมายความตามที่เขาพูด เช่น ขอโทษก็คือขอโทษ
ในขณะที่เพื่อนบางคน...พูดขอโทษ แต่หมายถึงสมน้ำหน้า
เพื่อนบางคน...อาจจำได้ว่าพยายามโทรหาคุณข้ามวันข้ามคืน ถึงแม้ว่าเขาจะติดต่อคุณไม่ได้ แต่ก็ยังคงพยายาม
ในขณะที่เพื่อนบางคน...อาจจำได้ไม่เกินครึ่งวันด้วยซ้ำว่าคุณโทรหาเขา
เพื่อนบางคน...อาจเหมือนคนที่มีอารมณ์แปรปรวน อาจทำอะไรที่คุณคาดไม่ถึง

แต่ไม่แน่เขา...
อาจเป็นน้อยกว่าคุณก็ได้ เพียงแต่คุณไม่รู้ตัว
เพื่อนบางคน...อาจชอบอยู่กับกลุ่มคนเยอะๆ ที่สนุก เฮฮา
แต่เพื่อนบางคน...อาจจะภูมิใจกับกลุ่มเพื่อนเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า
เพื่อนบางคน...อาจมัวนั่งเงียบๆ จนให้คุณไม่อาจรู้ได้ว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่ในขณะที่เพื่อนบางคน...พูดมากเสียจนคุณรำคาญ
เพื่อนบางคน...อาจอยากให้คุณรับรู้ความรู้สึกจากเขาทางสายตา
แต่เพื่อนบางคน...อาจเดินมาบอกความรู้สึกกับคุณด้วยตัวเอง
เพื่อนบางคน...อาจจะไม่มีการแสดงออกใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าคุณจะทำให้เขาเสียใจเพียงใด
แต่ในขณะที่เพื่อนบางคน...อาจเดินเข้ามาต่อว่าคุณ จนคุณไม่เหลือซากก็ได้
เพื่อนบางคน...สามารถอ่านใจคุณได้
ในขณะที่อีกหลายๆ คน...ไม่อาจรับรู้และเข้าใจ ความรู้สึกของคุณได้ แม้ว่าคุณจะบอกเขาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ตาม

21 พฤศจิกายน 2553

ลอยกระทง






การ ลอยกระทง จะมีขึ้น ใน วัน ลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทยส่วนใหญ่ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย

กิจกรรมวัน ลอยกระทง

นำกระทง ไป ลอยกระทง ตามแม่น้ำลำคลอง หรือตามแหล่งน้ำที่มีการจัดพิธี ลอยกระทง
จัดนิทรรศการ พิธี ลอยกระทง เพื่อเผยแพร่และอนุรักษ์ประเพณีไทย
ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ในการ ลอยกระทง เช่น การประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ การละเล่นพื้นเมือง เช่น รำวงเพลงเรือ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมไทย
จัดรณรงค์ให้มีการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทำกระทง เพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะแก่แม่น้ำลำคลอง

เหตุผลในการลอยกระทง

ลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา ลอยกระทง เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทและบูชาเทพเจ้า ลอยกระทง ตามคติความเชื่อ ลอยกระทง เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้ มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา เพื่อรู้ถึงคุณค่าของน้ำหรือแม่น้ำลำคลอง อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต

การ ลอยกระทง ในยุคปัจจุบัน

การ ลอยกระทง ในปัจจุบัน ยังคงรักษารูปแบบเดิมเอาไว้ได้ตามยุค เมื่อถึงวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 1 2 ชาวบ้านจะจัดเตรียมทำกระทงจากวัสดุที่หาง่ายตามธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วย และดอกบัว นำมาประดิษฐ์เป็นกระทงสวยงาม ปักธูปเทียนและดอกไม้ เครื่องสักการบูชา ก่อนทำการลอยในแม่น้ำก็จะอธิษฐานในสิ่งที่มุ่งหวังพร้อมขอขมาต่อพระแม่คงคา ตามคุ้มวัดหรือสถานที่จัดงานหลายแห่ง มีการประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ และมีมหรสพสมโภชในตอนกลางคืน นอกจากนั้นยังมีการจุดดอกไม้ ไฟ พลุ ตะไล ซึ่งในการเล่นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ วัสดุที่นำมาใช้ทำกระทง ควรเป็นของที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ วันลอยกระทง สนุกกับการ ลอยกระทง

16 ตุลาคม 2553

หัวใจของการเป็นครูหรือ คุณสมบัติของครูประกอบด้วย

หัวใจของการเป็นครูหรือ คุณสมบัติของครูประกอบด้วย

๑. ปิโย-การประพฤติตนให้เป็นที่รัก ต้องทำตัวน่ารัก ไม่หยิ่งไม่ถือตัว ไม่เกรี้ยวกราด ดุร้าย

๒.ครุ-มีจิตใจหนักแน่น ทำตนให้น่ายำเกรง ไม่ใช่ทำตัวไม่น่าเคารพ ไม่น่ายำเกรง ลูกศิษย์ก็จะไม่เชื่อในสิ่งที่เราสอน

๓.ภาวินีโย-การอบรมตนเองอย่างสม่ำเสมอ

๔.วตฺตา อ่านว่า วัต-ตา แปลว่า การฉลาดสอน ฉลาดพูด ต้องมีวิธีการที่สร้างสรรค์ในการสอน จะเป็นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หรือ เรียนแบบโครงงาน หรือ สอนงาน ก็ไม่เกี่ยงครับ

๕.วจฺนกฺขโม (วัจนักขโม) คือการอดทนต่อถ้อยคำล่วงเกิน เราต้องอดทนต่อความขาดสติของเด็ก เพราะเขายังคะนอง เขายังต้องการการพัฒนาจึงมาเรียนกับเรา จงใช้สติกำกับ

๖.คัมภีรํ กถงฺ กตฺตา (คัมภีริง กะถัง กัตตา) คือ พูดเรื่องลึกล้ำให้เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

๗.โน จัฎาเน นิโยชเย ไม่ชักนำไปในทางเสื่อมเสีย

ดังนั้นเมื่อเราประพฤติตนได้ตามคุณสมบัติข้างต้นได้เราก็จะเป็นครูได้ การเป็นครูที่เป็นครูจริงๆเป็นยากนะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้กับครูที่ดีทุกท่านครับ

ปาเจรา จริยาโหนติ คุณุตตรานุสาสกา

ปัญญาวุทฒิกเร เตเต ทินโนวาเท นมามิหัง

07 ตุลาคม 2553

อ่านๆๆตำนานนครปฐม

นครปฐม เมืองที่ในอดีตนับพันปี มีหลักฐานปรากฏว่าเป็นแหล่งที่มีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรก ดินแดนแห่งนี้มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "พระยากง พระยาพาลและยายหอม" ที่เป็นโศกนาฏกรรมนำมาซึ่งความตายและเคราะห์กรรมอันใหญ่หลวง
ตำนานพระยากง พระยาพาล มีหลายตำนานที่เล่าขานกันมา โดยกล่าวถึงการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์แต่แรกเริ่มคือ เจ้าผู้ครองเมืองศรีวิชัย หรือเมืองนครชัยศรีชื่อ ท้าวภาลีธิราช มีบุตรชายชื่อว่า "พระยากง" มเหสีของพระยากงมีพระโอรสองค์หนึ่ง แต่โหรทำนายว่ากุมารองค์นี้มีบุญญาธิการมากก็จริง แต่นานไปจะทำปิตุฆาตพระบิดา เมื่อพระยากงทราบความก็เกิดความกลัว จึงมีรับสั่งให้นำกุมารไปฆ่าทิ้ง แต่พระมเหสีทำไม่ลงจึงนำกุมารไปฝาก "ยายหอม" หญิงชราที่มีอาชีพเลี้ยงเป็ด ซึ่งก็ได้เลี้ยงกุมารจนโตเป็นหนุ่ม
วันหนึ่งพระกุมารได้มาลายายหอมเพื่อเดินทางไปเมืองสุโขทัย ขณะเดินทาง ได้พบช้างพระเจ้าแผ่นดินสุโขทัยกำลังตกมัน อาละวาดไล่ทำร้ายคน ไม่มีใครสามารถกำราบช้างนั้นได้ แต่พระกุมารสามารถจับช้างได้อย่างกล้าหาญ ซึ่งเมื่อพระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงทราบ ก็ได้เมตตาชุบเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม และต่อมาได้ส่งไปปกครองบ้านเมือง พระกุมารได้ไปตั้งบ้านเจ็ดเสมียน และได้คิดการใหญ่ โดยซ่องสุมกำลังคนประมาณ 40,000 คน มาที่บ้านยายหอมจากนั้นได้ส่งหนังสือไปถึงพระยากง ท้าให้ออกมากระทำยุทธหัตถีกัน และพระกุมารได้สังหารพระยากงในที่สุด
แต่ในบางตำนานได้กล่าวว่า พระกุมารไปเป็นบุตรบุญธรรมของพระยาราชบุรี ซึ่งทุกปีจะต้องนำดอกไม้เงินดอกไม้ทองมาถวายแด่พระยากง ซึ่งครองเมืองกาญจนบุรี แต่พระกุมารเห็นว่า เมืองราชบุรีควรเป็นอิสระจึงหยุดส่งเครื่องบรรณาการ พระยากงเห็นว่า พระยาราชบุรีเป็นกบฏจึงยกทัพลงมาตีเมืองราชบุรี พระยาราชบุรีจึงแต่งตั้งให้พระกุมารเป็นแม่ทัพออกรบกระทำยุทธหัตถีกัน พระยากงถูกพระกุมารฟันด้วยของ้าวจนเสียชีวิต
จากนั้นพระกุมารก็ได้ยกพลบุกเข้าเมืองกาญจนบุรี และคิดจับมเหสีของพระยากงมาเป็นของตน โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางคือ พระมารดา ขณะที่กำลังจะบุกขึ้นไปยังปราสาทของพระมารดา เทพยดาก็ได้เนรมิตเป็นแพะแม่ลูกอ่อนมานอนขวางทางขึ้นบันได เมื่อพระกุมารกำลังเดินขึ้นบันได กำลังจะข้ามแพะมีลูก 2 ตัวนั้น แพะก็ได้พูดกับลูกของมันเป็นความนัยว่า "เราเป็นสัตว์เดรัจฉาน ท่านจึงข้ามเราไป นับประสาอะไรกับเรา แม้มารดาของท่านท่านยังจะเอาเป็นเมีย"
เมื่อพระกุมารได้ฟังก็รู้สึกเอะใจทันที พอได้พบพระมารดาจึงอธิษฐานว่า "หากหญิงคนนี้เป็นมารดาของตนขอให้น้ำนมไหลออกจากถันทั้งคู่" เมื่อสิ้นคำอธิษฐานปรากฏว่ามีน้ำนมไหลออกมาจริง พระกุมารจึงถามความจริงของพระมารดา พอรู้ว่าผู้ที่ตนสังหารเป็นพระบิดาก็เสียใจมาก และได้โยนความผิดทั้งหมดให้ยายหอม พร้อมทั้งจับยายหอมฆ่า โดยนำศพไปให้แร้งกาจิกกิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนพากันเรียกพระกุมารว่า "พระยาพาล" เพราะเมื่อฆ่าบิดาแล้วยังพาลหาเรื่องฆ่ายายหอมอีกซึ่งเป็นบาปมหันต์ ต่อมาได้มีการประชุมเพื่อลงมติว่าจะต้องทำกุศลสิ่งใด เพื่อให้บาปนั้นเบาบางลง แล้วก็มีมติออกมาว่าจะต้องสร้างพระเจดีย์ใหญ่สูงชั่วนกเขาเหิน กรรมจึงเบาบางลง จากตำนานนี้ทำให้ได้ทราบที่มาของการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ และในส่วนของตำนานการสร้างศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนา ก็ยังมีหลักฐานปรากฏอยู่ที่วัดดอนยายหอม จ.นครปฐมโดยอดีตเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม นามว่า "หลวงพ่อเงิน" ท่านเคยขุดพบอิฐที่หักพังอย่างมากมายในชั้นดิน และพบศิลาเหลี่ยมสีเขียว 2 ต้น มีลายจำหลักที่ปลายเสากับกวางหมอบทำด้วยศิลา 1 ตัว คล้ายกับเสาประตูสาญจีเจดีย์ของพระเจ้าอโศกมหาราช "วัดดอนยายหอม" นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีหลักฐานว่าเดิมเคยเป็นวัดเก่า ตั้งแต่สมัยทวารวดีมีอายุกว่าพันปี วัดดอนยายหอมมีความเกี่ยวพันกับ "ยายหอม" อย่างไร ไม่มีหลักฐานแน่ชัด เพียงแต่ที่วัดนี้มีศาลยายหอม และมีเสียงร่ำลือกันมานานว่า เคยมีชาวบ้าน และคนในวัดได้สัมผัสกับวิญญาณยายหอมมาแล้ว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่วัดดอนยายหอม เคยเห็นหญิงชราแปลกหน้าเดินขึ้นไปบนศาลยายหอมอยู่บ่อยๆ พอตามไปดูก็ไม่พบใคร ทำให้เขาแน่ใจว่า ที่เห็นนั้นต้องเป็นวิญญาณของยายหอมอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องราวประหลาดที่ทำให้ชาวนครปฐมเชื่อว่า วิญญาณยายหอมยังไม่ไปไหน
และที่นครปฐมก็ยังมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับวิญญาณยายหลานคู่หนึ่ง ที่ประสบเคราะห์กรรมก่อนตายอย่างน่าสงสาร เรื่องนี้เกิดขึ้นภายในพระราชวังสนามจันทร์ พระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2450 ส่วนเรื่องการปรากฏของวิญญาณนั้นเกิดขึ้นในราว 40 กว่าปีก่อน บน "สะพานจักรียาตรา" ซึ่งเป็นสะพานเก่าแก่สร้างในปี พ.ศ. 2501 ที่นี่มีเรื่องเล่าถึงวิญญาณยายกับหลานซึ่งน่าสงสาร 2 ดวง ในสมัยยังมีชีวิตอยู่นั้นยากจนมาก อยู่อย่างลำบาก อดมื้อกินมื้อใช้ชีวิตเพียงลำพัง 2 คน ภายหลังเมื่อทนภาวะรันทดไม่ไหว ยายจึงตัดสินใจฆ่าหลานโดยจับบีบคอจนตาย จากนั้นยายก็ฆ่าตัวตายตาม โดยแขวนคอตายบนราวสะพานจักรียาตรา ซึ่งเป็นภาพที่น่าอดสู ชวนสยดสยอง
หลังจากนั้นไม่นานในเวลากลางคืนก็มักจะมีคนพบเห็นเรื่องราวประหลาด เช่นบางคนจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้คร่ำครวญโหยหวน ชาวบ้านบางคนเคยเห็นเงาลางๆ เป็นร่างของหญิงชรากำลังนั่งอุ้มเด็กอยู่กลางสะพาน แม้ชาวบ้านจะร่วมใจกันนิมนต์พระมาทำพิธีสวดส่งวิญญาณแล้ว ก็ยังมีคนเห็นกันอยู่เรื่อยๆ นับเป็นวิญญาณที่เฮี้ยนเอาการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความตายจากการฆ่าตัวตาย ก่อนอายุขัย เท่ากับเป็นบาปมหันต์ แม้ตายไปแล้วก็ไปไหนไม่ได้วิญญาณต้องติดอยู่ ณ สถานที่นั้นตราบนานเท่านาน
ใช่ว่า "ความตาย" จะทำให้หลุดพ้นได้ เพราะเคราะห์กรรมอันเป็นทุกข์ของคนเรานั้น เกิดจากกรรมในอดีตทั้งสิ้น เมื่อมีโอกาสได้มาเกิดก็จงอดทนชดใช้กรรมเก่านั้นให้เบาบาง และทำความดีทดแทน จนเมื่อถึงอายุขัยที่จะจากโลกนี้ไปจริงๆ เราจะได้ "เสวยบุญ" ที่เราเพียรสะสมมาในโลกหน้าซึ่งเป็น "บ้านเก่า" ของเราโดยแท้จริง

09 กันยายน 2553

นักวิทยาศาสตร์

วิลเฮล์ม คอนราด เรนต์เกน : Wilhelm Korad Roentgen





เกิด 27 มีนาคม ค.ศ. 1845 ที่เมืองเบนเนป (Lennep) ประเทศเยอรมนี (Germany)เ

สียชีวิต วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1923 ที่เมืองนิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมรี (Germany)

ผลงาน - ค้นพบรังสีเอกซ์

ได้รับรางวัลโนเบล สาขาฟิสิกส์ในปี ค.ศ. 1901 จากการค้นพบรังสีเอกซ์

ค้นพบวิธีหาความจุความร้อนจำเพราะของก๊าซ ประดิษฐ์หลอดเอกซเรย์

05 สิงหาคม 2553




วันแม่แห่งชาติ ทุกวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี








วันแม่แห่งชาติ หรือที่คนไทยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "วันแม่" ทุกคนรับทราบและซาบซึ้งกันดี เนื่องจากวันสำคัญนี้ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถคือ วันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพและถือว่าเป็นวันแม่ของชาติด้วย
แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวันแม่ของชาติ ต่อมาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คือ วันที่
12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน วันแม่แห่งชาติ เป็นวันที่ทางราชการกำหนดในวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี และถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยกำหนดให้ถือว่า "ดอกมะลิ" สีขาวบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่เรา
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ
ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ
จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่

11 กรกฎาคม 2553

ฮีศสทีเรีย

ฮิสทีเรีย (Hysteria)




เป็นชื่อเรียก ของอาการทางประสาทชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย จะมีอาการ เกี่ยวกับ การควบคุมอารมณ์ การควบคุมจิตสำนึก ด้านการกระทำลดลง และความกลัวต่าง ๆ โดยอาการฮิสทีเรียนั้น ถือว่าเป็นชนิดหนึ่งในประเภทของ โรควิตกกังวล* ก็ว่าได้ หรือจะเป็น โรคขาดความอบอุ่น* ก็ได้เช่นกัน

ผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย

จะมีอาการ ยึดติดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของตน ด้วยการกระทำดีด้วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้ง ยังจะมีอาการคิดมากวิตกกังกวล อยู่ตลอดเวลา โดยส่วนมากจะเป็นความคิดประเภทที่ว่า ตนเองเป็นคนไร้ความสามารถ มีปมด้อย มีความสามารถด้อยกว่าคนอื่น ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตาม อาการอีกอย่างนึงคือ "ความกลัว" กลัวตนเองทำผิดพลาด กลัวว่าตนเองจะถูกทิ้ง กลัวที่จะถูกหวัง กลัวที่จะเริ่มอะไรใหม่ ๆ อาการกลัวที่ได้กล่าวไป เป็นอาการกลัวอันดับต้น ๆ ของผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย สิ่งหนึ่งที่ผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย มักจะเป็นกันคือ การไม่รู้ตัวตนเองของตัว จึงทำให้ถ้ายึดติดกับสิ่งใด หรือใครแล้ว จะยึดติดมาก แทบจะไม่ปล่อย และไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น นั่นอาจรวมไปถึง พฤติกรรมการเลียนแบบ อีกด้วย

เหตุใด จึงกล่าวว่า ฮิสทีเรีย คือ โรคขาดผู้ชายไม่ได้

นั่นเป็นความเข้าใจผิด ความผิดพลาดทางภาษา ความมักง่ายในการใช้ภาษา การคิดไปเองของคนทั่ว ๆ ไป แล้วแต่ใครจะเรียก จึงทำให้ ฮิสทีเรีย กลายเป็น โรคขาดผู้ชายไม่ได้ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น ผู้ที่เป็นฮิสทีเรียนั้น จะมีอาการที่เรียกว่าขาดความอบอุ่นอยู่ด้วยในตัว และธรรมชาติของมนุษย์ คือต้องการที่ยึดเหนี่ยว ต้องการที่พึ่งพิง โดยความต้องการเหล่านี้ จะเพิ่มพูนสูงขึ้นมาก กับผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย จึงทำให้ผู้ที่มีอาการนี้ ถ้ามองอีกแง่หนึ่งอาจจะเป็นคนประเภทพึ่งตัวเองไม่ได้เลย ก็ว่าได้ และจากเหตุนี้เอง ทำให้เมื่อมีใครสักคนหนึ่งมาทำดีด้วยกับตน ก็จะเกิดความรู้สึกผูกพันธ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว และในบางรายอาจจะเกิดอาการแสดงความเป็นเจ้าของในระดับหนึ่ง หรือถ้าผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย โดยพื้นเป็นคนมีอารมณ์รุนแรงแล้ว การแสดงความเป็นเจ้าของก็จะรุนแรงตามไปด้วย ในบางรายอาจจะรุนแรงถึงขั้นฆ่ากันตายได้ ก็มีมาแล้ว (ของของฉัน ถ้าฉันไม่ได้คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้) ในประเทศไทยส่วนใหญ่แล้ว คนทั่วไป จะคิดว่าเขาเห็นอะไร ไม่ใช่ เขาเห็นอะไร ประกอบกับความเข้าใจผิด และการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จึงทำให้เหมารวมว่า ฮิสทีเรีย คือโรคขาดผู้ชายไม่ได้

แล้วที่จริงแล้ว โรคขาดผู้ชายไม่ได้คืออะไรละ โรคขาดผู้ชายไม่ได้ หรือ Cassandra Complex** จะหมายถึง อาการของสตรีผู้ซึ่ง มีความต้องการทางเพศไม่สิ้นสุด หรือความต้องการความรัก ความอบอุ่น อย่างไม่สิ้นสุด จากใครสักคน โดยไม่สนว่าชายหรือหญิง และเช่นเดียวกัน อาการดังกล่าวนี้ เกิดได้เช่นเดียวกันในผู้ชาย แต่จากค่านิยมสังคม ที่เดิมผู้ชายเป็นใหญ่กว่า จึงได้ทำให้เรียกว่า "โรคขาดผู้ชายไม่ได้" ไป และภายหลัง ก็เหมารวมไปทั้งหมดในชื่อ Hysteria เนื่องจาก ความแตกต่างอันน้อยนิด ของอาการทั้งสอง

มีผู้ชายเป็นฮิสทีเรียไหม?

คำตอบคือ มี แต่ในจำนวนน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับผู้หญิง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะในโลกปัจจุบันผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว และโดยธรรมชาติของเพศชาย สภาพจิตใจจะไม่หวั่นไหวง่ายเท่าเพศหญิง อีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญคือ สภาพสังคมการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก ของเพศชาย และหญิงแตกต่างกัน อย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนมาก การเลี้ยงดูของเพศหญิงจะเต็มไปด้วยการดูแลทะนุถนอมเป็นอย่างดี แต่กลับกันเพศชายการเลี้ยงดูเกือบแทบจะเป็นแบบปล่อยเลยก็ว่าได้ (โดยส่วนมาก) นั่นจึงเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมถึงไม่ค่อยพบอาการฮิสทีเรียในผู้ชาย

การรักษา?

อย่างที่ได้บอกไปเป็นนัย ๆ แล้ว ฮิสทีเรีย ไม่ใช่โรค จึงไม่อาจมีการรักษาใด ๆ ได้ (ยกเว้น การใช้ยาบางชนิด เพื่อกระตุ้นการหลั่งสาร ที่เกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ แต่นั่นก็ไม่ถือว่าเป็นการรักษาอยู่ดี ถือเป็นการฝืนมากกว่า) สิ่งที่จะทำให้ได้สำหรับผู้ที่เป็นฮิสทีเรียคือ การให้คำปรึกษาที่ดี จากคนใกล้ตัวเอง หรือแม้แต่จิตแพทย์ และที่สำคัญที่สุด ความตั้งใจจริง ที่จะค้นหาตัวตนของตัวเอง

ฮิสทีเรีย ไม่ใช่สิ่งที่เป็นได้ตั้งแต่กำเนิด เพราะฉะนั้น หากมีผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย ให้สันนิฐานเบื้องต้นไว้ได้เลยว่า ในอดีตบุคคลผู้นั้น ได้เคยมีการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง หรือแม้แต่การขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน

ถ้าท่านมีคนที่รู้จักเป็นฮิสทีเรีย โปรดนึกไว้เถอะว่า ถึงแม้การกระทำของเขาจะน่ารำคาญ แต่สิ่งที่เขาทำมันมาจากจิตใจที่อ่อนแอของเขาเอง และได้โปรดพึงระลึกไว้เสมอว่า ฮิสทีเรีย ไม่ใช่อาการขาดผู้ชายไม่ได้ เสมอไป สำหรับผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย คุณไม่ได้น่ารังเกียจ และไม่ได้ด้อยกว่าใครในสังคมนี้ คุณมีทุกสิ่งสมบูรณ์พร้อมเหมือนคนอื่นทุกประการ เพียงแต่สิ่งสำคัญคือ คุณจะเป็นจะต้องหาตัวตนของคุณให้เจอเท่านั้นเอง

*เป็นชื่อเรียกภาษาปาก เพราะจริง ๆ แล้วมันเป็นอาการทางด้านจิตใจ มิใช่โรค

23 มิถุนายน 2553

world cup 2010



2010 FIFA World Cup South Africa






2010 FIFA World Cup South Africa is the official video game for the 2010 FIFA World Cup, published by EA Sports.
The game was announced on
26 January 2010 during a GameSpot interview with Simon Humber, one of the producers of the game, and released 27 April 2010 in North America. 274 teams that took part in the 2010 FIFA World Cup qualification are included in the game.
A playable demo was released for
Xbox 360, PlayStation 2, Wii, PlayStation Portable, iOS, and PlayStation 3 on 8 April 2010. It includes Italy and Spain as the playable teams, and features the new two-button control method intended to make the game accessible to players who are new to the FIFA series and the ability to upload video replays to EA Football World. EA Sports have not released a PC version of 2010 FIFA World Cup South Africa.


01 มิถุนายน 2553

ขบวนการล้มเจ้าจริงรึไม่



อนึ่ง เพื่อความสะดวกในการเข้าใจโครงข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ขออธิบายข้อมูลคำชี้แจงของ ศอฉ. ดังนี้ โครงข่ายหลักที่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นว่า ตัวการเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นใจกลางหลักและมีโครงข่ายต่างๆคอยแวดล้อมเชื่อมโยงอยู่ โดยหลักๆได้แก่ กลุ่ม นปช. อันประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนเสื้อแดง ที่พ่วงติดด้วยตำแหน่งบรรณาธิการอำนวยการหนังสือความจริงวันนี้และที่ปรึกษา นิตยสารวอยส์ออฟทักษิณ, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง ที่มีความสัมพันธ์กับนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ ทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางการเมืองกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิสา คัญทัพ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ทีมบรรณาธิการหนังสือความจริงวันนี้, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตำแหน่งบรรณาธิการนิตยสารวอยส์ออฟทักษิณ ที่เคยลงบทความจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับสื่อหลักของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล ที่ตั้งอยู่ห้างอิมพีเรียล


นายอดิศร เพียงเกษ เกี่ยวข้องเป็นที่ปรึกษาไทยเรดนิวส์ ที่เคยตีพิมพ์บทความหมิ่นสถาบัน, นายแพทย์เหวง โตจิราการ ในฐานะที่ปรึกษาหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ และแกนนำ นปช. นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน ที่ปรึกษานิตยสารวอยส์ออฟทักษิณ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิทยุออนไลน์ชุมนุมคนรู้ใจ ที่จัดรายการพาดพิงโจมตีสถาบัน รวมทั้งเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ, นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ในฐานะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคลื่นวิทยุรักเชียงใหม่และดีเจหนึ่ง ที่จัดรายการนิทานเสียดสีโจมตีสถาบัน


นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ที่ปรึกษาหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ ซึ่งเคยเป็นผู้ยื่นประกันตัว ดา ตอร์ปิโด ที่เคยปราศรัยโจมตีสถาบันบนเวที นปช. ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและหมิ่นเหม่อย่างยิ่ง, นายสุชาติ นาคบางไทร ผู้ที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยคนเสื้อแดงและกล่าวจาบจ้วงให้ร้ายสถาบัน


ส่วนโครงข่ายที่เชื่อมต่อออกจากพรรคเพื่อไทย มีดังนี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ออกแถลงการณ์กดดันเบื้องสูงให้แก้ปัญหาบ้านเมือง


สำหรับโครงข่ายต่อไป ได้แก่ เว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ ที่เกี่ยวข้องกับคลื่นวิทยุออนไลน์จาบจ้วงสถาบัน โดยมีนายใจ อึ๊งภาภรณ์ เจ้าของบทความจาบจ้วงสถาบัน, นายจักรภพ เพ็ญแข เจ้าของคอลัมน์จาบจ้วงสถาบันในหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ ทั้งนี้ เว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ ได้รับเงินสนับสนุนจากนายเอนก ชัยชนะ ที่เกี่ยวข้องกับรายการโทรทัศน์ออนไลน์ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบัน โดยมีนายธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดม ที่มีศักดิ์เป็นลูกเขยนายอเนก ซึ่งเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์จนถูกดำเนินคดีไปแล้ว หลังจากก่อตั้ง Red Shirt international Organization (RSIN) ที่เผยแพร่ข้อมูลโจมตีสถาบัน, นายอาคม ซิดนีย์ ผู้ที่เคยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชา และเกี่ยวข้องกับวิทยุออนไลน์จาบจ้วงสถาบัน


ขณะที่โครงข่ายที่เชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตรง ได้แก่ นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่เป็นเพื่อนสนิทกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นหลาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ให้เงินสนับสนุนเว็บไซต์ฟ้าเดียวกันและเว็บไซต์คนเหมือนกัน ที่เป็นแหล่งรวมของผู้เผยแพร่ข้อมูลบ่อนทำลายสถาบัน

23 เมษายน 2553

ประวัติ สงครามบ้านร่มเกล้า


ประวัติ สงครามบ้านร่มเกล้า

จากกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ บ้านร่มเกล้า อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก อันเนื่องมาจากปัญหาเส้นเขตแดนที่อ้างสนธิสัญญาคนละฉบับ

ทั้งนี้โดยมีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส พ.ศ. 2451 กำหนดให้ลำน้ำเหืองเป็นเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส แต่ปีถัดมาพนักงานสำรวจทำแผนที่พบว่ามีน้ำเหือง 2 สาย ฝรั่งเศสตัดสินเอาเองโดยไม่ได้แจ้งให้กรุงเทพฯทราบ เลือกสายน้ำที่ทำให้ตนได้ดินแดนมากขึ้นหน่อย ลาวรับช่วงถือเขตแดนนี้

แต่ลำน้ำเหือง 2 สายนั้นไม่ตรงกับแนวลำน้ำในปัจจุบันที่ปรากฏในแผนที่สหรัฐทำให้รัฐบาลไทยช่วงสงครามเวียดนาม ลำน้ำในปัจจุบันเรียกว่าเหืองป่าหมัน ไม่ใช่ชื่อที่เคยปรากฏในเอกสารใด ๆ เมื่อพ.ศ. 2450 - 2451

เขตแดนตรงนั้นไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งปี 2530 ลาวอ้างว่าบริเวณบ้านร่มเกล้าเป็นของลาว เนื่องจากแผนที่คนละฉบับกับไทย ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดพลาดในการสำรวจเมื่อปี 2450

ช่วงปี 2510 - 2520 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เคลื่อนไหวรุนแรงที่จะยึดอำนาจรัฐ พื้นที่ติดต่อเขตลาวในเขตนี้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเผ่าม้ง ถูกใช้เป็นพื้นที่หลบซ่อนและปฏิบัติการ เพราะสามารถข้ามลำน้ำเหืองเข้ามาในเขตไทยได้ง่าย และบริเวณพื้นที่นี้กลายเป็นยุทธบริเวณอันสำคัญระหว่างทหารกับพคท.

ชาวม้ง ซึ่งเป็นแนวร่วมสำคัญของพคท. ถูกปราบปรามอย่างหนัก หนีข้ามลำน้ำเหืองเข้าไปในเขตลาว

ช่วงปี 2525 สถานการณ์ในอินโดจีนเปลี่ยนแปลง ประกอบกับนโยบาย 66/2523 ของรัฐบาลไทยคือใช้ยุทธศาสตร์ “การเมืองนำทหาร” ทำให้ชาวม้งตัดสินใจกลับเข้ามาตามโครงการเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กองทัพภาคที่ 3 ได้ตัดถนนสายยุทธศาสตร์และแนวชายแดนจากอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ขึ้นไปสิ้นสุดที่บ้านร่มเกล้า

กลายเป็นเขตสัมปทานป่าไม้ มีการจัดตั้งชุดทหารพรานคุ้มครองที่ 3405 ขึ้น

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหา !
วันที่ 31 พฤษภาคม 2530 ทหารลาวยกกำลังเข้ามาในพื้นที่ซึ่งฝ่ายไทยอ้างว่าอยู่ในเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ทำลายรถแทรกเตอร์ของบริษัทป่าไม้เอกชนเสียหาย 3 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 คน หายสาบสูญ 1 คน ทหารพรานชุด 3405 เข้าปะทะกับทหารลาว

วันที่ 1 มิถุนายน 2530 ทหารลาวเข้าโจมตีม้งที่บ้านร่มเกล้า โดยอ้างว่าเป็นการกวาดล้างม้งที่เคลื่อนไหวต่อต้านทางการลาว และมีทหารลาวอีกชุดหนึ่งยกกำลังข้ามพรมแดนเข้ามาที่เขตบ้านนาผักก้าม และบ้านนากอก อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ยิงราษฎรไทยตาย 1 คน จับกุมตัวไป 6 คน หนีรอดมา 1 คน โดยกล่าวหาว่าราษฎรเหล่านั้นลักลอบเข้าไปตัดไม้ในลาว

ฯลฯ

ขณะนั้นสหรัฐเผ่นออกไปจากเอเชียแล้ว ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากไว้ในเวียดนาม ทางอีสานใต้มาถึงตะวันออกกองพลใหญ่ของเวียดนามจ่อคอหอยอยู่ ทางอีสานเหนือภายใต้ชื่อทหารลาว แต่ความจริงน่าจะเป็นกองกำลังผสมของหลายชาติ โดยมีชาติมหาอำนาจยืนทะมึนอยู่ข้างหลัง ทั้งได้ใช้เทคโนโลยีสูงยิ่งในการบัญชาการ

ยามนั้นกองทัพไทยปกป้องเอกราชอธิปไตยจนแม้กระสุนปืนใหญ่ก็ไม่เหลือ ที่ระดมมาจากมิตรประเทศในอาเชียนก็หมดสิ้น
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธสั่งการให้อดีตทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน คือ พ.อ.อมรรัตน์ จินตกานนท์ ร่วมกับ “คณะทำงานลับ” คนหนึ่ง และทีมงานของเขา ติดต่อประสานงานกับกองทัพจีน

นำไปสู่กระบวนการ “วิธีการพิเศษ” ลำเลียงทั้งปืนใหญ่และกระสุนจากจีนมาใช้ !

ปืนใหญ่และกระสุนปืนใหญ่ชุดนั้นมีความหมาย 2 นัย นัยแรกตรงไปตรงมา คือเป็นยุทโธปกรณ์เสริมและทดแทน นัยที่สองที่อาจจะสำคัญกว่าก็คือเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของ “สาส์น” ที่ต้องการ “สื่อ” ต่อฝ่ายตรงกันข้าม

ลักษณะกระสุนชนิดใหม่ที่ถูกยิงออกไปทำให้เกิดความเข้าใจว่าศึกครั้งนี้ไทยไม่ได้รบโดยโดดเดี่ยวแล้ว จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการเจรจา และถอนทหารออกจากแนวรบ

อาจกล่าวได้ว่าเป็นชัยชนะโดยไม่ต้องรบ

แน่นอนว่าวิถีทางในการรักษาเอกราชอธิปไตยของชาตินับแต่ประวัติศาสตร์มา คือ วิถีทางการทูต และวิถีทางการทหาร ต้องใช้วิธีทั้งสองตามสถานการณ์ และอย่างพลิกแพลง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ใช้แต่ทางใดทางหนึ่ง คำพูดที่ว่า “สู้ตาย” เป็นเรื่องเหลวไหลที่นักการทหารชั้นยอดจะไม่ยอมใช้ เพราะเขาใช้แต่คำว่าสู้เพื่อชนะ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์

เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของไทยคือการรักษาเอกราชอธิปไตยของไทยโดยไม่ให้บอบช้ำต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

หลังจากเหตุการณ์ร่มเกล้าแล้ว ความจริงคนไทยควรจะได้รู้ว่าใครคือมิตรแท้ แต่การนำความจริงมาเปิดเผยในบางสถานการณ์ย่อมไม่เป็นผลดี เช่น สมมติว่าในช่วงนั้นประกาศให้รู้ทั่วกันว่าไทยไม่ได้รบกับลาวประเทศเดียว ก็เสมือนเท่ากับประกาศสงครามกับเวียดนามและสหภาพโซเวียตโดยตรง มีหรือที่ศึกจะไม่ใหญ่ขึ้น และถ้าเป็นเช่นนั้นใครจะรับผิดชอบต่อเอกราชอธิปไตยของชาติ

เมื่อตอบคำถามนี้ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องกล่าวว่า เป็นโชคดีของประเทศไทยที่พคท.กับเวียดนามและลาวเข้ากันไม่ได้ ขณะเดียวกันจีนก็หันมาสัมพันธ์กับไทยในลักษณะรัฐต่อรัฐ มากกว่าพรรคต่อพรรค

นี่เป็นผลส่วนหนึ่งจากที่การที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเดินทางไปเจรจาความเมืองกับเติ้งเสี่ยวผิงในขณะนั้น !

1.. มีมหาอำนาจมาช่วยลาวรบจริง
2.. ด้วยเทคโนโลยี จาก มหาอำนาจ ทำให้เขาเหนือกว่าเราในช่วงแรกของสงคราม เป็นต้นว่า
เขามี เรดาห์ซึ่งสามารถจับ วิธีการยิงปืนใหญ่ของเราได้ ดังนั้นเราจึงต้อง ย้ายที่ตั้งปืนใหญ่ทันทีเมื่อยิงเสร็จ

3.. เรื่อง อาวุธจากจีนนั้น ผมว่าคงเป็นแค่ประเด็นเสริม เหมือนกรณี ประเด็นเสริม Dr. เอเดรียน

4.. จริง ๆ แล้ว เพราะว่า ทางไทยได้ส่งหน่วย รบพิเศษ ไปปฏิบัติการในแนวหลังของฝ่ายตรงข้าม ในลักษณะสงครามกองโจร
ทำให้ ฝ่ายตรงข้ามเกิดวิกฤตขึ้น เนื่องจากขาดการส่งกำลังบำรุง

5..จากหัวข้อกระทู้ เบื้องหลัง....ไทยไม่ได้แพ้ สรุปได้ว่า จาก
ที่เราได้ส่ง หน่วยรบพิเศษไปปฏิบัติการในแนวหลัง ของฝ่ายตรงข้าม
ทำให้ ทางลาว ต้องส่งผู้แทนมาเจรจา กับ ไทย เพื่อเจรจา ขอ สงบศึก ซึ่ง ในมุมมองของทางการเมืองและทหารแล้ว
ประเทศคู่สงครามประเทศใด ขอเจรจาก่อน หมายถึง ขอยอมแพ้แล้วนั่นเอง
จากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและลาวนั้น มีรายงานจากบางหน่วยแจ้งว่ามีฝ่ายลาวมีทหารต่างชาติบัญชาการรบ
อาจเป็นคนรัสเซีย และถูกทหารไทยยิงตายไปหลายคน (กองทัพไทยไม่ได้ให้ข้อมูลกับเรื่องนี้มากนัก) จากการปะทะหลายครั้ง
บางหน่วยรายงานว่า ทหารที่เข้าใจว่าเป็นทหารลาว บางคนพูดร้องสั่งการเป็นภาษาเวียดนาม คาดว่าเป็นกองกำลังผสมระหว่างเวียดนาม
และลาวที่รบกับไทย ในการรบที่บ้านร่มเกล้านี้จึงไม่ใช่กรณีพิพาทระหว่างไทยกับลาวธรรมดา

ระบบอาวุธและการติดต่อสื่อสารในการรบที่ทางฝ่ายลาวใช้นั้น ทันสมัยมาก สามารถรู้พิกัดที่ตั้งปืนใหญ่ของไทย
และยิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการรบกวนระบบการสื่อสารของทหารไทย ซึ่งกองทัพประชาชนลาวคงไม่มีระบบที่ทันสมัยอย่างนี้
ที่ตั้งบนเนิน ๑๔๒๘ มีการดัดแปลงการตั้งรับอย่างดี บังเกอร์เป็นคอนกรีต เสริมเหล็ก ลักษณะเป็นเนินเขาบีบแคบ
ในการเข้าตีต้องเข้าตีจากด้านหน้าอย่างเดียว ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบในการรบ หากจะต้องทำการรบในกรอบปกติ

11 เมษายน 2553

คุณคิดอย่างไร นปช.

คุณคิดอย่างไร นปช.

10 เมษายน 2553

สงการนต์


สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ"
สงกรานต์ เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณคู่มากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึงประเพณีส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ คำว่าตรุษเป็นภาษาทมิฬ แปลว่าการสิ้นปี
พิธีสงกรานต์ เป็นพิธีกรรมที่เกิดขึ้นในสมาชิกในครอบครัว หรือชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ และความเชื่อไป ในความเชื่อดั้งเดิมใช้สัญลักษณ์เป็นองค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้ำเป็นตัวแทน แก้กันกับความหมายของฤดูร้อน ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใช้น้ำรดให้แก่กันเพื่อความชุ่มชื่น มีการขอพรจากผู้ใหญ่ การรำลึกและกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในชีวิตสมัยใหม่ของสังคมไทยเกิดประเพณีกลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ นับวันสงกรานต์เป็นวันครอบครัว ในพิธีเดิมมีการสรงน้ำพระที่นำสิริมงคล เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่มีความสุข ปัจจุบันมีพัฒนาการและมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริมจนคลาดเคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการประชาสัมพันธ์ในเชิงการท่องเที่ยวว่าเป็น ‘Water Festival’ เป็นภาพของการใช้น้ำเพื่อแสดงความหมายเพียงประเพณีการเล่นน้ำ
การที่สังคมเปลี่ยนไป มีการเคลื่อนย้ายที่อยู่เข้าสู่เมืองใหญ่ และถือวันสงกรานต์เป็นวัน "กลับบ้าน" ทำให้การจราจรคับคั่งในช่วงวันก่อนสงกรานต์ วันแรกของเทศกาล และวันสุดท้ายของเทศกาล เกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง นับเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงหลายด้านของสังคม นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ยังถูกใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งต่อคนไทย และต่อนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

21 มีนาคม 2553

พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา วีระบุรุษแห่งบันนังสตา





12 มีนาคม 2553 วันที่หลายต่อหลายคนให้ความสนใจกันกับข่าว การชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม “เสื้อแดง” ในหลายๆ จุดของกรุงเทพฯ แต่สำหรับผมแล้ว ข่าวที่ยิ่งใหญ่ สะเทือนใจ และต้องถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่งของผืนแผ่นดินไทย ก็คือ การที่ชาติต้องสูญเสีย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ท่านผู้กำกับแห่ง สภ.บันนังสตา จังหวัดยะลา ไปอย่างไม่มีวันกลับ…

หลังจากช่วงกลางวันของวันนี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ส่งผลให้ท่านผู้กำกับได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมลูกน้องอีก 4 คน ขณะกลับจากติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ เหตุเกิดที่บริเวณบ้านทับช้าง ม. 2 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ก่อนทั้งหมดจะถูกลำเลียงทั้งทางรถยนต์ และทางเฮลิคอปเตอร์ ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาเป็นการด่วน และภายหลังเป็นที่ทราบว่าท่านได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิดกว้างประมาณ 2 เมตร ลึก ประมาณ 1 เมตร โดยคนร้ายได้ซุกระเบิดไว้ใต้ท่อระบายน้ำใต้ผิวถนน แล้วลากสายไปยังป่าข้างทาง นอกจากนี้ ยังพบว่ารถยนต์กระบะโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กข.9302 ยะลา ที่ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตานั่งมา ได้รับความเสียหายสภาพพังยับเยิน

เบื้องต้นเชื่อว่า เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ปี 2513 หลังจบการศึกษา โรงเรียนตำรวจภูธร 9 จังหวัดยะลา พลฯสมเพียร เอกสมญา ถูกส่งเข้าเป็นตำรวจประจำ สภอ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งในขณะนั้น พื้นที่ดังกล่าว เป็นเขตเคลื่อนไหวของขบวนการโจรก่อการร้าย แบ่งแยกดินแดน อย่างหนักทำให้ภาครัฐต้องระดมสรรพกำลัง ทั้งทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง เข้าไปแย่งชิงมวลชน และดูแลความสงบเรียบร้อย หลายครั้งที่เกิดการปะทะ ทำให้มีการสูญเสียอย่างหนักทั้งสองฝ่าย และ ปฐมบทแห่งการเป็น จ่าเพียรมือปราบ ก็เกิดขึ้นที่นั่น

พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา คือผู้ฝากผลงาน ด้านการสืบสวน ปราบปราม สู้กับ โจรก่อการร้าย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มามากกว่า 30 ปี…

จากชีวิตตำรวจที่คลุกคลีอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด เขาได้สร้างผลงานด้านการปราบปราม ต่อสู้กับโจรก่อการร้ายอย่างห้าวหาญ สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ของผู้บังคับบัญชา ทำให้กรมตำรวจ (ในขณะนั้น) ได้อนุมัติให้เข้ารับการ อบรมหลักสูตร ” นายตำรวจสัญญาบัตร ” โดยไม่ต้องสอบคัดเลือก และได้รับการเลื่อนลำดับขั้น จากผงพวงการทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด

ผลจากการทำงานทุ่มเทมาตลอดชีวิตข้าราชการตำรวจ ทำให้ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ได้รับการยกย่อง และประกาศเกียรติคุณจากหน่วยงานต่างๆเป็นจำนวนมาก และ ที่สร้างความปลาบปลื้ม สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสูงสุดในชีวิต และครอบครัว คือ ได้รับการโปรดเกล้า ฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับพระราชทาน ”เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญมาลาเข็มกล้ากลางสมร” ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง และกระทำพิธี ”ถือน้ำพิพัฒน์สัตยา” ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 ที่ผ่านมา

และนับเป็น ตำรวจเพียงคนเดียว ในขณะมียศแค่ “จ่าสิบตำรวจ” ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ นอกจากนี้ พ.ต.อ.สมเพียร ยังได้รับพระราชทาน และประกาศเกียรติคุณจากหน่วยงานต่างๆอีกมากมาย เช่น

- ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้นสอง ประเภทหนึ่ง
- ได้รับประกาศนียบัตร ” ผู้มีผลงานสู้รบดีเด่น ” จากกระทรวงมหาดไทย
- ได้รับเข็มรักษาดินแดนสดุดี จากกระทรวงมหาดไทย
- ได้รับมอบเกียรติบัตรผู้ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติด้วยความเสียสละ จากองค์การทหารผ่านศึก
- ไดัรับประกาศผู้มีผลงานดีเด่นด้านการปราบปราม จากกองบัญชาการตำรวจภูธร 9
- ได้รับการคัดเลือกเป็นศิษย์เก่า โรงเรียนตำรวจภูธร 9 ดีเด่น
- ได้รับหนังสือสำคัญ จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต ) ยกย่องเชิดชู เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดน และรักษาความสงบสุขของบ้านเมือง ด้วยความเข้มแข็งเสียสละ ฯลฯ

ผมขออนุญาตคัดลอกบทความด้านบนนี้จาก โอเคเนชั่นบล๊อก ผู้เขียนคือ คุณ เณรรูน ที่เขียนสดุดีวีรกรรมของท่านเอาไว้อย่างน่าชื่นชม ผมอยากจะชักชวนให้ท่านที่สนใจเข้าไปอ่านและสืบค้นข้อมูลของท่าน ตาม Link นี้ครับ นำเสนอ “ตำรวจยอดเยี่ยม” ของแท้ จากยะลา..

ก่อนหน้านี้เพียงแค่ไม่ถึง 1 เดือน พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ได้เข้าร้องเรียนต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ยื่นเรื่องต่อนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย หลังจากที่ทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความทุ่มเทมากว่า 30 ปี โดยก่อนหน้านี้ได้ทำเรื่องขอย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ สภ.กันตัง จังหวัดตรัง เพื่อใช้ชีวิตบั้นปลายในยามใกล้เกษียร แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณา ผมยังจำภาพท่านแถลงข่าวแววตาคลอด้วยน้ำตาลูกผู้ชายได้ถึงทุกวันนี้

และก่อนที่ท่านจะประสบเหตุต้องเสียชีวิตในครั้งนี้ ท่านเพิ่งถูกลอบวางระเบิดในขณะที่เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุที่ บ้านยีราปัน เมื่อช่วงก่อนปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา แต่ในครั้งนั้นโชคดีที่รถยนต์ของท่านแล่นผ่านไปเพียงเล็กน้อย

28 กุมภาพันธ์ 2553

กำหนดสอบ TU 53






กรุณาลิงค์กันๆๆๆด้วยนะเพื่อนๆๆ













ร่วมไว้อาลัยกับ7ทหารกล้าผู้ที่เสียสละชีวิต

พระราชทานเพลิงศพ7ทหารกล้า





พล.อ.ไพศาล กตัญญู รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารพร้อมกัน 7 นาย จากกองร้อย ร.2514 ร.25 พัน .3 ค่ายวิภาวดีรังสิต จังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี ชุดคุ้มครองครูที่เสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดของผู้ก่อความไม่สงบที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา วันที่ 24 มิ.ย.

อ่านข่าวแล้วก็ได้แต่สลดใจ ความรู้สึกบอกไม่ถูกว่าทำไม เราจะต้องสูญเสียพวกเขาไป คนแล้วคนเล่า เมื่อไหร่ความสงบสุขถึงจะกลับคืนมาเช่นดังเดิม สงสารก็แต่ครอบครัวผู้ที่สูญเสีย ต้องขาดเสาเรือนไป แล้วลูกๆเขาอีกจะเป็นเช่นไร ที่ต้องขาดพ่อ วันนี้เป็นวันที่เศร้าใจจริงๆเลย

ขอให้เพื่อนๆร่วมกันไว้อาลัยกับการจากไปของเหล่าทหารกล้าด้วยค่ะผู้ที่เสียสละชีวิตเพื่อพวกเรา

10โรคประหลาด ที่ไม่น่าเป็นที่สุดในโลก


""10โรคประหลาด ที่ไม่น่าเป็นที่สุดในโลก.....""






1 .โรคค็อดทาร์ดหรือโรคศพเดิน (Walking Corpse Syndrome)เป็นหนึ่งในโรคทางจิต ตั้งชื่อตามนายแพทย์จูลส์ ค็อดทาร์ด แพทย์ด้านสมองชาวฝรั่งเศส ที่พบว่าผู้ป่วยคนหนึ่งของเขาเป็นโรคนี้ นายแพทย์ค็อดทาร์ดกล่าวถึงผู้ป่วยที่เขารักษาว่า "เธอไม่เชื่อว่าเธอมีอวัยวะ จึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องกินอาหาร"

ผู้ป่วยมีความเชื่อว่าสูญเสียอวัยวะสำคัญ แม้กระทั่งสูญเสียวิญญาณ ผู้ที่เป็นมากๆ จะเชื่อว่าตนตายไปแล้ว ทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเน่าจากเนื้อของตัวเอง รู้สึกว่าเหมือนหนอนกำลังกัดกินเนื้อ บางคนเชื่อว่าตัวเองไม่มีกระเพาะ จึงไม่กินอาหาร เป็นไปได้ว่าผู้ที่เป็นโรคเสพยาบ้า โคเคน มากเกินไป และอาจเกี่ยวข้องกับโรคจิตเภท โรคอารมณ์แปรปรวน






2.โรคแวมไพร์ซินโดรม ได้ชื่อว่าแวมไพร์ต้องนึกถึงผีค้างคาวดูดเลือด ที่ออกอาละวาดในยามราตรี แต่กลัวแสงสว่างเป็นที่สุด ผู้ป่วยโรคนี้ก็เช่นกัน คือกลัวแสงสว่าง เพราะเมื่อถูกแสงแดดแล้วจะเจ็บปวดอย่างมหาศาล ผิวแห้งแตกเป็นขุย มีรอยไหม้

3. โรคจัมพิ่ง เฟรนช์แมน ออฟ เมน (Jumping Frenchman of Maine Disorder) เป็นโรคที่นายแพทย์จอร์จ มิลเลอร์ เบียร์ด อธิบายไว้เป็นคนแรก เมื่อค.ศ.1878 คาดว่าผู้ป่วยที่เขาพบนั้นเป็นชายชาวแคนาดาเชื้อสายฝรั่งเศส ผู้ป่วยจะเกิดอาการเมื่อถูกกระตุ้น เช่น ถ้าตะโกนดังๆ ให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งผู้ป่วยก็จะทำตามนั้น เช่น มีผู้ตะโกนว่า "ตบหน้าเมีย" ก็จะกระโดดเข้าไปตบหน้าภรรยาของตนเองทันที หรือถ้าได้ยินประโยคแปลกๆ ประโยคที่เป็นภาษาต่างประเทศ ก็จะพูดประโยคนั้นๆ ซ้ำไปซ้ำมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

4.โรคเส้นบลาชโค (Blaschko"s lines) ผู้เป็นโรคจะลายริ้วๆ ไปทั้งตัว นับเป็นโรคหายากอีกโรคหนึ่ง ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักกายวิภาค ผู้ที่กล่าวถึงโรคนี้เป็นครั้งแรกคือนายแพทย์อัลเฟรด บลาชโค แพทย์ด้านผิวหนังชาวเยอรมัน ที่กล่าวถึงอาการของผู้เป็นโรคเมื่อค.ศ.1901 บริเวณกระดูกสันหลังจะเป็นเส้นรูปตัว V บริเวณหน้าอก ท้อง และข้างลำตัวจะเป็นเส้นรูปตัว S

5.โรคพิคา หรือโรคที่กินวัตถุที่ไม่สามารถบริโภคได้ ผู้ที่เป็นโรคจะมีความอยากกินวัตถุที่ไม่ใช่อาหารมาก เช่น ดิน กระดาษ กาว โคลน ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่มีวิธีรักษา แต่เป็นไปได้ว่าร่างกายขาดแร่ธาตุบางอย่าง

10โรคประหลาด ที่ไม่น่าเป็นที่สุดในโลก

โลกเรายังมีโรคแปลกๆ ที่ยังรักษาไม่หายอยู่เป็นจำนวนมาก แม้แต่แพทย์ยังไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้ผู้ป่วยต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ซึ่ง 10 โรคต่อไปนี้เราอาจจะเคยได้ยิน หรือเห็นคนเป็นโรคมาบ้าง แต่บางโรคก็ไม่เคยได้ยินเลย และเพิ่งจะรู้ว่ามีโรคนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ

1 .โรคค็อดทาร์ดหรือโรคศพเดิน (Walking Corpse Syndrome)เป็นหนึ่งในโรคทางจิต ตั้งชื่อตามนายแพทย์จูลส์ ค็อดทาร์ด แพทย์ด้านสมองชาวฝรั่งเศส ที่พบว่าผู้ป่วยคนหนึ่งของเขาเป็นโรคนี้ นายแพทย์ค็อดทาร์ดกล่าวถึงผู้ป่วยที่เขารักษาว่า "เธอไม่เชื่อว่าเธอมีอวัยวะ จึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องกินอาหาร"

ผู้ป่วยมีความเชื่อว่าสูญเสียอวัยวะสำคัญ แม้กระทั่งสูญเสียวิญญาณ ผู้ที่เป็นมากๆ จะเชื่อว่าตนตายไปแล้ว ทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเน่าจากเนื้อของตัวเอง รู้สึกว่าเหมือนหนอนกำลังกัดกินเนื้อ บางคนเชื่อว่าตัวเองไม่มีกระเพาะ จึงไม่กินอาหาร เป็นไปได้ว่าผู้ที่เป็นโรคเสพยาบ้า โคเคน มากเกินไป และอาจเกี่ยวข้องกับโรคจิตเภท โรคอารมณ์แปรปรวน

2.โรคแวมไพร์ซินโดรม ได้ชื่อว่าแวมไพร์ต้องนึกถึงผีค้างคาวดูดเลือด ที่ออกอาละวาดในยามราตรี แต่กลัวแสงสว่างเป็นที่สุด ผู้ป่วยโรคนี้ก็เช่นกัน คือกลัวแสงสว่าง เพราะเมื่อถูกแสงแดดแล้วจะเจ็บปวดอย่างมหาศาล ผิวแห้งแตกเป็นขุย มีรอยไหม้

3. โรคจัมพิ่ง เฟรนช์แมน ออฟ เมน (Jumping Frenchman of Maine Disorder) เป็นโรคที่นายแพทย์จอร์จ มิลเลอร์ เบียร์ด อธิบายไว้เป็นคนแรก เมื่อค.ศ.1878 คาดว่าผู้ป่วยที่เขาพบนั้นเป็นชายชาวแคนาดาเชื้อสายฝรั่งเศส ผู้ป่วยจะเกิดอาการเมื่อถูกกระตุ้น เช่น ถ้าตะโกนดังๆ ให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งผู้ป่วยก็จะทำตามนั้น เช่น มีผู้ตะโกนว่า "ตบหน้าเมีย" ก็จะกระโดดเข้าไปตบหน้าภรรยาของตนเองทันที หรือถ้าได้ยินประโยคแปลกๆ ประโยคที่เป็นภาษาต่างประเทศ ก็จะพูดประโยคนั้นๆ ซ้ำไปซ้ำมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

4.โรคเส้นบลาชโค (Blaschko"s lines) ผู้เป็นโรคจะลายริ้วๆ ไปทั้งตัว นับเป็นโรคหายากอีกโรคหนึ่ง ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักกายวิภาค ผู้ที่กล่าวถึงโรคนี้เป็นครั้งแรกคือนายแพทย์อัลเฟรด บลาชโค แพทย์ด้านผิวหนังชาวเยอรมัน ที่กล่าวถึงอาการของผู้เป็นโรคเมื่อค.ศ.1901 บริเวณกระดูกสันหลังจะเป็นเส้นรูปตัว V บริเวณหน้าอก ท้อง และข้างลำตัวจะเป็นเส้นรูปตัว S

5.โรคพิคา หรือโรคที่กินวัตถุที่ไม่สามารถบริโภคได้ ผู้ที่เป็นโรคจะมีความอยากกินวัตถุที่ไม่ใช่อาหารมาก เช่น ดิน กระดาษ กาว โคลน ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่มีวิธีรักษา แต่เป็นไปได้ว่าร่างกายขาดแร่ธาตุบางอย่าง






6.โรคอลิซในแดนมหัศจรรย์ หรือ "ไมครอพเซีย" เกิดจากความผิดปกติของสมอง ที่แปรสัญญาณไปยังสายตาผู้ป่วยให้มองทุกอย่างเล็กจากความเป็นจริง ทั้งที่สายตาของผู้ป่วยไม่มีความผิดปกติใดๆ เช่น มองสุนัขที่เลี้ยงไว้ ก็จะเห็นว่ามีขนาดเท่าหนู รถยนต์คันใหญ่ ก็จะเห็นว่ามีขนาดเท่ากับรถเด็กเล่น

7.โรคบลูสกิน หรือ "โรคผิวสีน้ำเงิน" ผู้เป็นโรคจะมีร่างกายเป็นสีน้ำเงิน ที่สหรัฐเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ครอบครัวของนายมาร์ติน ฟูเกต เด็กกำพร้าชาวฝรั่งเศส และเข้ามาตั้งรกรากอยู่บริเวณลำธารทร็อบเบิ้ลซัมครีก รัฐเคนตั๊กกี้ เมื่อค.ศ.1820 เป็นโรคนี้กันอย่างถ้วนหน้า เริ่มจากที่นายฟูเกตเองที่เป็นโรคอยู่แล้ว เมื่อเขาสมรสกับหญิงปกติ ลูก 4 ใน 7 คนเป็นโรคสีน้ำเงินเหมือนพ่อ ลูกหลานที่มาจากเชื้อสายนี้อีก 6 ชั่วคนยังเป็นโรคนี้ด้วย โดยหนูน้อยเบนจามิน สเตซี่ ที่มีเชื้อสายฟูเกต เป็นคนในตระกูลล่าสุดที่เป็นโรค โชคดีที่เด็กชายไม่เป็นมาก เพียงไม่นานหลังจากเกิดก็หาย ปัจจุบันเด็กชายอายุ 8 ขวบ

8.โรคเวอร์วูล์ฟซินโดรม ผู้ป่วยจะมีขนยาวรุงรังตามหน้าตา แขนขา ทุกส่วนของร่างกาย คาดว่าปัจจุบันมีผู้เป็นโรคประมาณ 50 คนจากทั่วโลก เช่น เด็กชายปรัชวิราช พาทิล ชาวอินเดีย ที่ต้องเจ็บปวดจากการล้อเลียนของเพื่อนๆ และสังคม ซึ่งครอบครัวพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือ ทั้งใช้เลเซอร์แบบแพทย์แผนปัจจุบัน ไปจนถึงการรักษาแบบทางเลือก อายุรเวช

9.โรคมือเท้าช้างหรือ "เอเลแฟนต์เทียซิส" เป็นโรคที่พบเห็นกันค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนที่มียุง เนื่องจากยุงเป็นพาหะของโรค โดยจะแพร่หนอนปรสิตวูชีเรเรียแบนครอฟตี หนอนปรสิตบรูเจียมาลายี หนอนปรสิตบี.ทิโมลี มายังคน ทำให้ไข่ของหนอนปรสิตเข้ามาในกระแสเลือดและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย มันอาจใช้เวลาฟักตัวนานหลายปี

ที่เว็บไซต์ของโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนระบุว่า โรคมือเท้าช้างเป็นโรคที่เกิดจากหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย มีลักษณะคล้ายเส้นด้ายอาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลืองของคน โดยมียุงเป็นพาหะนำโรค อาการที่เห็นได้ชัดคือ ขา แขน หรืออวัยวะเพศบวมโตผิดปกติ เนื่องจากภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลือง

โรคเท้าช้างในประเทศไทยมี 2 ชนิด ชนิดแรกเกิดจากเชื้อบรูเจียมาลายี มักมีอาการแขนขาโต พบมากในบริเวณที่ราบทางฝั่งตะวันออกของภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจนถึงนราธิวาส โดยมี "ยุงลายเสือ" เป็นพาหะ ยุงชนิดนี้กัดกินเลือดของสัตว์และคน ชอบออกหากินเวลากลางคืน มีแหล่งเพาะพันธุ์ตามแอ่งหรือหนองน้ำที่มีวัชพืชและพืชน้ำต่างๆ เช่น จอก ผักตบชวา แพงพวยน้ำ หรือหญ้าปล้อง

ชนิดที่สองเกิดจากเชื้อวูชีเรเรียแบนครอฟตี มักทำให้เกิดอาการบวมโตของอวัยวะสืบพันธุ์และแขนขา พบมากในบริเวณภาคตะวันตกของประเทศไทย เช่น ที่อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก อำเภอละอุ่น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เป็นต้น ยุงพาหะนำโรคเท้าช้างชนิดนี้ได้แก่ "ยุงลายป่า" เพาะพันธุ์ตามป่าไผ่ ในโพรงไม้ และกระบอกไม้ไผ่ ปัจจุบันพบว่าเชื้อโรคเท้าช้างชนิดวูชีเรเรียแบนครอฟตี สายพันธุ์ที่นำเข้าโดยผู้อพยพจากชายแดนไทย-พม่า มียุงพาหะหลายชนิดรวมทั้งยุงรำคาญ ซึ่งเป็นยุงบ้านที่พบได้ทั่วไป

คนที่มีอาการมักจะเกิดจากการที่ถูกยุงที่มีเชื้อพยาธิเท้าช้างกัดซ้ำหลายครั้ง อาการในระยะแรก ผู้ป่วยอาจมีไข้ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมและท่อน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ขาหนีบ หรืออัณฑะ เนื่องจากพยาธิตัวแก่ที่อยู่ในท่อน้ำเหลืองสร้างความระคายเคืองแก่เนื้อเยื่อภายใน รวมทั้งมีการปล่อยสารพิษออกมาด้วย อาการอักเสบจะเป็นๆ หายๆ อยู่เช่นนี้ และจะกระตุ้นให้เกิดอาการบวมขึ้น หากเป็นนานหลายปีจะทำให้อวัยวะนั้นบวมโตอย่างถาวรและผิวหนังหนาแข็งขึ้นจนมีลักษณะขรุขระ

10.โรคโพรจีเรีย หรือ "โรคแก่ก่อนวัยอันควร" เป็นโรคที่เกิดจากรหัสทางพันธุกรรมตัวหนึ่งบกพร่อง ทำให้ผู้ป่วยมีรูปร่างหน้าตาแก่กว่าอายุจริงมาก ส่วนใหญ่แล้วเด็กจะอายุสั้น คือไม่เกิน 13 ปี มักเสียชีวิตจากสาเหตุหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย อาการของผู้เป็นโรคคือ หัวล้าน กระดูกบาง มีรูปร่างเตี้ยแคระ มักเจ็บปวดตามข้อ แต่เมื่อแรกเกิดแล้วจะดูเหมือนกับเด็กปกติ

27 กุมภาพันธ์ 2553

" นี่หรือประเทศไทย "





ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย






สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ของประเทศไทย เป็นเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา ซึ่งเกิดมาจากปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเหตุการณ์ลอบทำร้าย วางเพลิง วางระเบิด ก่อการร้าย และจลาจล เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการแพร่ภาพเป็นข่าวไปทั่วโลก และมีการติดตามเหตุการณ์จากนานาชาติอย่างใกล้ชิด แต่ปัจจุบันเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าวก็เริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ จนบางช่วงเวลานั้นดูเหมือนว่าเหตุการณ์ไม่สงบในกรุงเทพมหานครนั้น จะรุนแรงกว่าทางภาคใต้เสียด้วยซ้ำไป

10คนที่เก่งที่สุดในโลก +++


1. Kim Ung-Yong: เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก

Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210

คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน สเปน เวียดนาม ตากาลอก เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี

คิม เป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 – 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับ ปริญญาเอกอีกเช่นกัน







2. Gregory Smith: ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุ เพียง 12 ปี

Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิ เด็ก

Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพและความเข้าอกเข้าใจใน ระหว่างเยาวชนทั่วโลก เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail Gorbachev และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย

จากการทำงานด้านมนุษยธรรมนี้ ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ…มีใบขับขี่เป็นของตัวเอง ได้ซะทีนั่นเอง












3. Akrit Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ

Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า “เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก” เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน

Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่า ตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีก ครั้ง ขณะนี้ Akrit กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน






4. Cleopatra Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง (47,000-48,000 บาท)

Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม 2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า”At the age of 3″ และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมา เนีย





















5. Aelita Andre : หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ

ศิลปินแนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne’s Fitzroy

Mark Jamieson ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดูและเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะ จัดการแสดงภาพเหล่านั้น จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง และมีอายุเพียง 22 เดือน แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป












6. Saul Aaron Kripke: Harvard( มหาวิทยาลัยอันดับ1 ของโลก) เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล
Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4 และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา

Kripke เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้นทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชา คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า “แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า” และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด

Kripke ได้รับรางวัล Shock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่







7. Michael Kevin Kearney: รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบและกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์

หนุ่มวัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดใน โลก และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17

ในปี 2008 เขาชนะ้รางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire? นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง

Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า “ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ” อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน อายุ 4 ขวบได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบ

ในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก











8. Fabiano Luigi Caruana: แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด

Fabiano หนุ่มน้อยสองสัญชาติ (อเมริกัน-อิตาลี) ปัจจุบันอายุ 16 ปี เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007 ตอนนั้นเขามีอายุเพีย 14 ปี 11 เดือน 20 วัน ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation (FIDE)) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2649 ทำให้ เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี














9. Willie Mosconi: เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ

William Joseph Mosconi หรือเจ้าของฉายา “Mr. Pocket Billiards” (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก Philadelphia, Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่ ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้ ทั้ง ๆ ที่เขายัง ต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม

ใน ปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมากและทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool (พูล 15 ลูก) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอ

ใน ช่วงปี 1941-1957 Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA (Billiard Congress of America) World Championship ถึง15 สมัย เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool












10. Elaina Smith: ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ
สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำ ปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึง โต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับ ความนิยมจากผู้ฟังนับพัน เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน

ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า ” ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว”





















21 กุมภาพันธ์ 2553

Y2K

Y2K คืออะไร และเรื่องวุ่นวายอย่างไร เมื่อเกิดขึ้น





หลายๆ คนที่เกิดทันยุค Y2K คงรู้เรื่องนี้กันดี แต่คนที่เกิดไม่ทันก็เริ่มไม่รู้เรื่อง เพราะความทรงจำ

และหนังสือ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา

(แต่ใน google ยังมี ลองหาข้อมูลกันดูครับ) และเมื่อเกิดเรื่อง Y2K ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่หลวงระดับโลก

ทำให้ระบบที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมดรวนครับ ซึ่งความเป็นมา มีดังนี้ครับสมัยก่อน แรม 128 KB

(กิโลไบตจริงๆนะครับ) มีราคาแพงมาก (พอๆ กับ DDR2 3 GB ตอนนี้เลย)

ทำให้คนพัฒนาโปรแกรม ต้องประหยัดหน่วยความจำ โดยการใช้ปี 2 หลักแทน เช่น 1993 ก็ใช้ 93 แทน

ซึ่งผลก็คือ เมื่อเลยเที่ยงคืนไป ทำให้ปี รีเซทกลับเป็น 1940 ซึ่งจะทำให้ระบบ เช่น การสื่อสาร โรงพยาบาล ระบบควบคุมต่างๆ ต้องหยุดชะงักลงไป ส่งผลให้เกิดความเสียหายกันทั่วโลกเลยครับ โดยการเสียหายที่เกิดขึ้น ที่ผมทราบมา มีดังนี้ครับ- ถ้าคุณคุยโทรศัพท์ตอนวันที่ 31 ธันวาคม 1999 ต่อเนื่องจนถึง 1 มกราคม 2000 คุณจะโดนคิดค่าโทรศัพท์ย้อนหลัง 100 ปี (โดนมากับตัว)- ระบบกล้องวงจรปิด เกิดอาการรวน และหยุดทำงานเนื่องจากเกิดการ Crash- บัญชีธนาคารทุกคน โดนคิดดอกเีบี้ยล่วงหน้า 100 ปี (จนเจ๊งไปหลายธนาคาร) และ ดอกเบี้ยเงินกู้ โดนคิดล่วงหน้า 100 ปี (จนล้มละลายไปหลายคน / บริษัท)- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คอมที่ควบคุมเตาปฎิกรรวน (อันนี้เขาปิดทันครับ เลยไม่เจอปัญหา)

Y2K

Y2K คืออะไร และเรื่องวุ่นวายอย่างไร เมื่อเกิดขึ้น


หลายๆ คนที่เกิดทันยุค Y2K คงรู้เรื่องนี้กันดี แต่คนที่เกิดไม่ทันก็เริ่มไม่รู้เรื่อง เพราะความทรงจำ
และหนังสือ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา
(แต่ใน google ยังมี ลองหาข้อมูลกันดูครับ) และเมื่อเกิดเรื่อง Y2K ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่หลวงระดับโลก
ทำให้ระบบที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมดรวนครับ ซึ่งความเป็นมา มีดังนี้ครับสมัยก่อน แรม 128 KB
(กิโลไบตจริงๆนะครับ) มีราคาแพงมาก (พอๆ กับ DDR2 3 GB ตอนนี้เลย)
ทำให้คนพัฒนาโปรแกรม ต้องประหยัดหน่วยความจำ โดยการใช้ปี 2 หลักแทน เช่น 1993 ก็ใช้ 93 แทน
ซึ่งผลก็คือ เมื่อเลยเที่ยงคืนไป ทำให้ปี รีเซทกลับเป็น 1940 ซึ่งจะทำให้ระบบ เช่น การสื่อสาร โรงพยาบาล ระบบควบคุมต่างๆ ต้องหยุดชะงักลงไป ส่งผลให้เกิดความเสียหายกันทั่วโลกเลยครับ โดยการเสียหายที่เกิดขึ้น ที่ผมทราบมา มีดังนี้ครับ- ถ้าคุณคุยโทรศัพท์ตอนวันที่ 31 ธันวาคม 1999 ต่อเนื่องจนถึง 1 มกราคม 2000 คุณจะโดนคิดค่าโทรศัพท์ย้อนหลัง 100 ปี (โดนมากับตัว)- ระบบกล้องวงจรปิด เกิดอาการรวน และหยุดทำงานเนื่องจากเกิดการ Crash- บัญชีธนาคารทุกคน โดนคิดดอกเีบี้ยล่วงหน้า 100 ปี (จนเจ๊งไปหลายธนาคาร) และ ดอกเบี้ยเงินกู้ โดนคิดล่วงหน้า 100 ปี (จนล้มละลายไปหลายคน / บริษัท)- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คอมที่ควบคุมเตาปฎิกรรวน (อันนี้เขาปิดทันครับ เลยไม่เจอปัญหา)

17 กุมภาพันธ์ 2553

4 กรุงที่โมนติกที่สุดในโลกกกก

กรุงโรม



โรม (อิตาลี: Roma อ่านว่า โรมา; อังกฤษ: Rome) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5 ล้านคน ถ้ารวมเมืองโดยรอบจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน โดยมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับมิลานและเนเปิลส์
นอกจากนี้ โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกอีกด้วย




ประเทศออสเตรีย : กรุงเวียนนา












ออสเตรียตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปยุโรปตอนกลาง ทำให้เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างยุโรปตะวันออก กับยุโรปตะวันตก มีพรมแดนติด 8 ประเทศ คือ เยอรมัน สาธารณรัฐเช็ค สาธารณรัฐสโลวัค ฮังการี สโลเวเนีย อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ พื้นที่ 83,855 ตารางกิโลเมตร (เล็กกว่าไทย 6 เท่า) ภูมิประเทศ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงซึ่งอุดมด้วยแร่ธาตุและที่ราบลุ่มเพื่อการเพาะปลูก แม่น้ำดานูบไหลผ่านออสเตรียเป็น ระยะทาง 220 ไมล์ ร้อยละ 46 ของพื้นที่ประเทศเป็นป่าไม้ ออสเตรียมีภูมิประเทศที่สวยงามจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของยุโรป มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละปี เมืองหลวง กรุงเวียนนาเป็นเมืองหลวงของออสเตรีย เป็นที่ตั้งของสำนักงานสหประชาชาติแห่งที่สาม และเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะการดนตรี ประชากร 8 ล้านคน ร้อยละ 98 พูดภาษาเยอรมัน ศาสนา ร้อยละ 78 นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิค ร้อยละ 5 นับถือนิกายโปรแตสแตนท์ มีผู้นับถือศาสนาอิสลามจำนวนประมาณ 160,000 คนกฎหมายออสเตรียให้เสรีภาพแก่คนที่มีอายุ 14 ปี ในการเลือกนับถือศาสนา
ข้อมูลทั่วไปคนออสเตรียเป็นคนอนุรักษ์นิยมไม่ชอบความรุนแรง รักธรรมชาติ สนับสนุนรัฐสวัสดิการและความมั่นคงในการทำงาน และส่งเสริมการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม หลีกเลี่ยงความขัดแย้งและความรุนแรง และพยายามประสานผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ทำให้ออสเตรียเป็นประเทศที่มีความสงบเรียบร้อยและมั่นคง
ออสเตรียมีการผสานประโยชน์ที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้างทำให้แทบไม่มีการนัดหยุดงาน และช่วยให้อัตราการว่างงานออสเตรียอยู่ในระดับต่ำ
การเมือง การปกครองออสเตรียเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประกอบด้วย 9 จังหวัด คือ Burgenland, Carinthia, Lower Austria, Upper Austria, Salzburg, Styria, Tirol, Vorarlberg และเวียนนา (ซึ่งเป็นเมืองหลวงและจังหวัด) แต่ละจังหวัดมีอำนาจปกครองเป็นอิสระ โดยทั่วไปจังหวัดมีอำนาจในการออกกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเพื่อการปกครองตนเองเกือบทุกเรื่อง ยกเว้น การต่างประเทศและการป้องกันประเทศ แต่ละจังหวัดมี Governor ซึ่งได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดซึ่งมาจากการเลือกตั้ง
ออสเตรียมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ โดยได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 6 ปี ส่วนนายกรัฐมนตรีได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีจากหัวหน้าพรรคที่ได้เสียงข้างมากในสภา ส่วนรัฐสภาประกอบด้วย สภาล่าง มีสมาชิก 183 คน ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทุก 4 ปี และสภาสูง มีสมาชิก 64 คน ได้รับเลือกจากสภาจังหวัด
ศาลเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการ มีศาลพิจารณาคดีแพ่งและคดีอาญา (โทษสูงสุดในคดีอาญา คือ จำคุกตลอดชีวิต ไม่มีโทษประหารชีวิต) และมีศาลพิเศษ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจากการละเมิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร และศาลปกครองให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จากการละเมิดบทบัญญัติของกฎหมาย นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญหรือการกระทำมิชอบโดยฝ่ายบริหาร
เศรษฐกิจเศรษฐกิจของออสเตรียพึ่งพาการผลิตภาคอุตสาหกรรมและรายได้จากการค้า การบริการและการท่องเที่ยวเป็นหลัก และเป็นประเทศที่มั่งคั่งมากประเทศหนึ่งในยุโรป มีรายได้ประชาชาติต่อหัว 24,000 เหรียญสหรัฐฯ ประชาชนมีการศึกษาสูงและ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
อุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญ คือ เครื่องจักร อุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ เหมืองแร่ อุตสาหกรรมเคมีและสิ่งทอ การเกษตร สามารถผลิตได้เพียงพอบริโภคภายในประเทศ
ระบบเศรษฐกิจออสเตรียเป็นแบบเสรีนิยมผสมสังคมนิยม ประชาชนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและทรัพย์สิน แต่รัฐจะเข้ามีบทบาทในการดำเนินอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญ และกิจการสาธารณูปโภค
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศออสเตรียดำเนินนโยบายเป็นกลางตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และประสบความสำเร็จในการสถาปนากรุงเวียนนาเป็นสำนักงานแห่งที่สามขององค์การสหประชาชาติ เมื่อ ค.ศ. 1979 นโยบายเป็นกลางของออสเตรียเป็นไปในลักษณะ active neutrality โดยให้ความร่วมมือในการรักษาสันติภาพและให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนและการบรรเทาภัยพิบัติ
ไทย-ออสเตรียความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรียมีมายาวนานกว่า 125 ปี ปัจจุบันไทยมีสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา และมีสถานกงสุลกิตติมศักดิ์อยู่ที่เมือง Innsbruck, Salzburg และ Dornbine ส่วนออสเตรียมีสถานเอกอัครราชทูตอยู่ที่กรุงเทพฯ




3.กรุงลอนดอน








ลอนดอน ( ฟังการออกเสียง (ข้อมูล); อังกฤษ: London; เสียงอ่าน: /ˈlʌndən/) เป็นเมืองหลวงของอังกฤษ และสหราชอาณาจักร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป [7]

ลอนดอนเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของโลก เป็นผู้นำด้านการเงิน[8] การเมือง การสื่อสาร การบันเทิง แฟชั่น และศิลปะ และเป็นที่ยอมรับว่ามีอิทธิพลไปทั่วโลก ถือกันว่าเป็นเมืองสากลหลักของโลก จีดีพีของลอนดอน คิดเป็นร้อยละ 19.5 ของสหราชอาณาจักร

ลอนดอนมีประชากรประมาณ 7.5 ล้านคน (ข้อมูลเมื่อปี พ.ศ. 2549) และประมาณ 12 - 14 ล้านคนถ้ารวมนครหลวงลอนดอนและปริมณฑล ลอนดอนเป็นเมืองที่ประกอบด้วยหลายชนชาติอย่างมาก ประชากรมีความหลากหลายทั้งด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และภาษา ซึ่งประมาณว่ามีมากกว่า 300 ภาษา[9] เราเรียกชาวลอนดอนว่า ลอนดอนเนอร์ (อังกฤษ: Londoner)

ลอนดอนเป็นศูนย์กลางการคมนาคมในระดับนานาชาติ และเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของทวีปยุโรป โดยสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอน คือ ท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์

4.กรุงปารีส




ปารีส (ฝรั่งเศส: Paris /paˈʁi/ ปารี) เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์ (Île-de-France หรือ Région parisienne (RP) ) ภายในกรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,167,994 คน[2] เขตเมืองปารีส (Unité urbaine) ซึ่งมีพื้นที่ขยายเกินขอบเขตอำนาจการปกครองของเมืองนั้น มีประชากรกว่า 9.93 ล้านคน (พ.ศ. 2547) [3] ในขณะที่เขตมหานครปารีส (Agglomération parisienne) มีประชากรเกือบ 12 ล้านคน[4]และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชากรสูงที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป[5]

จากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2 พันปี ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก[6] แคว้นอีล-เดอ-ฟรองซ์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศส ด้วยจำนวนเงินกว่า 500.8 ล้านล้านยูโร (628.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งมากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2548[7] กรุงปารีสยังเป็นสถานที่ทำการของบริษัทยักษ์ใหญ่ 36 บริษัทจากบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 บริษัทจากการสำรวจของฟอร์จูน โกลบัล 500 (Fortune Global 500) อีกด้วย[8] โดยเฉพาะย่านธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป ลา เดฟองซ์[9] ทั้งยังเป็นที่จัดงานนิทรรศการต่างๆ ซึ่งรวมถึงสหประชาชาติ ฯลฯ

ปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งในโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี[10] กรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก อีกสามนครคือ ลอนดอน, โตเกียว และ นิวยอร์ก

22 มกราคม 2553

ดาหลา























ดาหลา

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์





ลำต้น
ดาหลาเป็นพืชที่มีลักษณะคล้ายข่า มีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า (rhizome) เหง้านี้ จะเป็น บริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อต้น ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ใน เวลา 1 ปี ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น เช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือลำต้นเทียม (pseudostem) ลำต้นเหนือดินสูง 2-3 เมตร มีสีเขียวเข้ม

ใบ
มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวไปหาปลายใบ และฐานใบ ใบไม่มีก้านใบ ผิวเกลี้ยงท้งด้านบนและด้านล่าง ใบยาว 30-80 เซ็นติเมตร กว้าง 10-15 เซนติเมตร ปลายใบ แหลมฐานใบเรียวลาดเข้าหาก้านใบ เส้นกลางใบปรากฏชัดทางด้านล่างของใบ

ดอก
ดอกดาหลาเป็นดอกช่อมีลักษณะดอกแบบ (head) ประกอบด้วยกลีบประดับ (Bracts) มี 2 ขนาด ส่วนโคนประกอบด้วยกลีบประดับขนาดใหญ่ มีความกว้างกลีบ 2-3 ซ.ม. จะมีสีแดงขลิบขาวเรียงซ้อนกันอยู่และจะบานออก ประมาณ 25-30 กลีบ และมีกลีบประดับ ขนาดเล็กอยู่ส่วนบนของช่อดอก ความกว้างกลีบประมาณ 1 ซ.ม. ซึ่งมีสีเดียวกับกลีบประดับ ขนาดใหญ่ กลีบประดับเล็กนี้จะหุบเข้าเรียงเป็นระดับมีประมาณ 300-330 กลีบ ภายในกลีบ ประดับขนาดใหญ่ที่บานออกจะมีดอกจนิงขนาดเล็กกลีบดอกสีแดง ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศอยู่ จำนวนมาก ดอกบานเต็มที่จะมีขนาดความกว้างดอกประมาณ 14-16 เซนติเมตร ความยาวช่อ 10-15 เซนติเมตร มีก้านช่อดอกยาว 30-150 เซนติเมตร ลักษณะก้านช่อดอกแข็งตรง ดอก จะออกตลอดปีแต่จะให้ดอกดกที่สุดในช่วงฤดูร้อน คือ เดือนมีนาคม - พฤษภาคม ดอกจะ พัฒนามาจากหน่อดอกที่แทงออกมาจากเหง้าใต้ดินลักษณะของหน่อจะมีสีชมพู ที่ปลายหน่อ ดอกดาหลา

พันธุ์
ปัจจุบันพันธุ์ดาหลาที่ปลูกตัดดอกมีอยู่ 2 พันธุ์ด้วยกันคือ พันธุ์สีชมพู และพันธุ์สีแดง

การขยายพันธุ์
ดาหลาสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1. การแยกหน่อ
ควรแยกหน่อที่มีความเหมาะสมนำไปปลูกคือ สูงประมาณ 60-100 ซ.ม. ขึ้นไปและมีกิ่งอ่อนกึ่งแก่นประมาณ 4-5 ใบ ใช้มีตัดให้มีเหง้า และรากติดอยู่ด้วย ซึ่งหน่อชนิดนี้จะมีหน่อดอกอ่อน ๆ ติดมาด้วยประมาณ 3 หน่อ นำไปชำในถึงพลาสติก 1 เดือนเพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนปลูก
2. การแยกเหง้า
โดยการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น แล้วนำไปชำในแปลงเพาะชำ วิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี จึงจะเริ่มให้ดอก
3. การปักชำหน่อแก่
โดยนำไปชำในแปลงเพาะชำให้แตกหน่อใหม่แข็งแรง แล้วจึงค่อยย้ายมาปลูกลงแปลงต้นดาหลา

การเตรียมแปลงปลูกดาหลา
พื้นที่ดอน
ทำการพรวน ตากดินไว้ประมาณ 5 - 7 วัน และย่อยดินให้ละเอียดเก็บวัชพืชออกให้หมด

พื้นที่ลุ่ม
ทำการขุดยกร่องสวน มีคูน้ำลึก 1 เมตร กว้าง 1 เมตร แปลงปลูกกว้าง 2-3 เมตร ความยาวตามขนาดของพื้นที่ และมีการไถพรวนตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน เก็บวัชพืชออกให้หมด

การเตรียมดิน
การเตรียมดินโดยไถพรวนดิน แล้วขุดหลุมปลูก จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมในกรณีที่ปลูกดาหลาแบบไม่ยกร่องสวน จะทำการไถปรับดินให้สม่ำเสมอ เพิ่มปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 20-20-20 ในอัตรา 1 : 25 แล้วขุดหลุมปลูกแบบเดียวกับการปลูกแบบยกร่องสวนนี้อาจปลูกแซมในไม้หลักเช่น ไม้ผล


ระยะปลูก
การปลูกดาหลาจะไม่มีระยะปลูกที่แน่นอน แต่จะขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของเกษตรกรเอง โดยส่วนใหญ่แล้วเกษตรกรจะปลูกในระยะ 2 x 2 เมตร

การปลูก
โดยใช้หน่อที่มีเหง้าและรากติดมาด้วย เหง้าที่ตัดมาควรมีความยาวประมาณ 5 นิ้ว โดยสังเกตุให้หน่อนั้น ๆ มีใบติดมาประมาณ 4 คู่ใบ ปลูกลงในหลุมที่เตรียมไว้ แล้วทำการกลบดินให้สูงประมาณ 6 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่ม อาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพอกทับโคนต้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้น นอกจากนี้ควรหาไม้หลักมาผูกติดกับลำต้นกันต้นโยก

การดูแลรักษาดาหลา
การให้ปุ๋ย
จะให้ปุ๋ยดาหลาประมาณ 2 - 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ (16-16-16) ในอัตรา 96 กก./ไร่/ปี และให้ปุ๋ยคอกในอัตรา 15 กก./ต้น/ปี นอกจากนี้อาจใช้อินทรีย์วัสถุที่ผุพังแล้ว เช่น ใบไม้ต่าง ๆ หรือลำต้นแก่ของดาหลา, วัชพืชที่ขึ้นตามท้องร่อง มาเป็นปุ๋ยหมัก หรืออาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพูนใส่ตามโค้นต้น ซึ่งดินแลนนี้จะมีอินทรีย์วัตถุสูง

การให้น้ำ
ดาหลาเป็นพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณที่มากพอสมควร โดยเฉพาะในระยะเริ่มแรกของการปลูก ควรรดน้ำให้ชุ่ม โดยใช้แครงสาดวันละ 1 ครั้ง เมื่อต้นดาหลาตั้งตัวได้อาจเว้นระยะห่างของการให้น้ำจากวันละครั้งออกไปเป็นประมาณ 2-3 วันต่อครั้ง แต่ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ ถ้าเป็นฤดูร้อนควรเพิ่มการให้น้ำมากขึ้นโดยใช้ระบบการให้น้ำแบบพ่นฝอย (springkler) บนแปลงที่ไม่ยกร่อง


การป้องกันกำจัดวัชพืช
ดาหลาเป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตเร็ว แตกหน่อได้มาก ทำให้กอแน่นใบบังแสงซึ่งกันและกัน การกำจัดวัชพืชจะต้องกระทำมากในช่วงแรกของการปลูก เมื่อดาหลาโตมาก ๆ จะทำให้แสงที่ส่องผ่านมากระทบพื้นดินน้อย วัชพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้ จึงไม่ต้องทำการกำจัดวัชพืชมากนัก

โรคและแมลง
ยังไม่พบโรคที่เป็นปัญหาสำคัญกับดาหลา แต่มีแมลงสำคัญดังนี้

1. หนอนเจาะลำต้น
ลักษณะการทำลาย
เข้าทำลายต้นแก่ โดยไปเจาะบริเวณลำต้น ทำให้ต้นดาหลาหยุดชะงักการเจริญเติบโต และไม่สามารถให้ออกดอกได้
การป้องกันกำจัด
ใช้ฟูราดาน 3% โรยบริเวณรอบ ๆ โค้นต้น หรืออาจใช้เซฟวิน

2. มดแดง
ลักษณะการทำลาย
กรดจากสิ่งขับถ่ายของมดแดงจะทำให้กีบดอกเกิดรอยขาวเป็นจุด ๆ
การป้องกันกำจัด
เก็บรังมดแดงออกจากต้น และใช้ย่าฆ่ามด

การเก็บเกี่ยวดาหลา
ดอกดาหลาที่มีความสมบูรณ์พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้มีอายุประมาณ 2 อาทิตย์ นับตั้งแต่เริ่มแทงหน่อดอก ตัดดอกในช่วงเช้าโดยการตัดก้านดอกให้ยาวชิดโคนต้น แล้วแช่ก้านดอกลงในถังที่มีน้ำบรรจุอยู่